เอกชนดันรถอีวีเต็มสูบรอลุ้นรัฐใช้งบ 4 หมื่นล้าน อุดหนุนราคาสูงถึง 1.5 แสนบาท/คัน

เอกชนดันอีวีเต็มสูบ หวังเกิดการผลิตในประเทศดันเอสเอ็มอีได้ประโยชน์ ด้านกระทรวงอุตฯ จ่อเข็นแพคเกจอีวีเข้าครม.ก.พ.นี้ จัดส่วนลดสูงสุด 1.5 แสนบ. คาดใช้เงิน 4 หมื่นล้านโปะหนุนทั้งระบบ

4 ก.พ. 2565 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ออกมาให้ชัดเจน เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เพื่อให้เติบโตอย่างแข็งแรง โดยเฉพาะการเน้นสนับสนุนให้ผลิตในประเทศอย่างจริงจัง หากยิ่งช้า จะทำให้เสียโอกาสการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ที่กำลังมาแรง มีเน้นการส่งเสริมอย่างจริงจัง มีแบรนด์รถยนต์อีวี วินฟาสต์เป็นของตัว ซึ่งล่าสุดได้มีการแสดงโชว์ในงานระดับโลกหลายแห่งแล้ว เช่น สหรัฐฯ

”แพจเกจที่ออกมา นอกจากสนับสนุนเรื่องราคาแล้ว ที่สำคัญต้องสนับสนุนให้เกิดการผลิตในประเทศให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างอุตสาหกรรมอีวีไทยให้เข้มแข็ง และผู้ประกอบการต่างๆ รวมถึงเอสเอ็มอี จะต้องได้ประโยชน์จากการสนับสนุนจากจากภาครัฐด้วย”นายสุพันธุ์ กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายในเดือนก.พ.นี้ จะมีการเสนอแพ็กเกจและมาตรการส่งเสริมการใช้อีวี ที่ประชุมครม.เห็นชอบอย่างแน่นอน หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการปรับปรุงมาตรการมาอย่างชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะความไม่เท่ากันของภาษีนำเข้า จากเดิมกำหนดรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่นจะต้องเสียภาษีนำเข้า 20% ยุโรป 80% เกาหลีใต้ 40% ขณะที่นำเข้าจากจีนไม่เสียภาษี เป็นไปตามข้อตกลงกรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ทำให้มีความเหลื่อมล้ำกันสูง

โดยสาระสำคัญของแพคเกจ มีระยะเวลาโครงการ 4 ปี (ปี 65 – 68) นำไปสู่เป้าหมายการผลักดันให้ไทยมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 10% ของการผลิตรถยนต์ในปี 68 และเพิ่มขึ้น 30% ภายในปี 73 เพื่อรักษาให้ไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของโลกต่อไป
สำหรับแพคเกจหลักๆ เบื้องต้นแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกให้ส่วนลดแก่ประชาชน เพื่อจูงใจให้ซื้อรถไฟฟ้า 100% หรือบีอีวี เช่น ส่วนลดสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ 18,000 บาทขึ้นไปและส่วนลดสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งรถยนต์นั่งและกระบะ ตั้งแต่ 70,000 บาทขึ้นไป โดยส่วนลดสูงสุดทุกประเภทจะไม่เกิน 1.5 แสนบาท ซึ่งจะให้กับค่ายรถยนต์โดยตรง รวมวงเงินงบประมาณใช้ประมาณ 40,000 ล้านบาท

”ตอนนี้ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ แหล่งที่มาของงบประมาณ 40,000 ล้านบาท ที่นำมาใช้เป็นส่วนลด จะนำมาจากส่วนไหน งบประมาณที่เห็นชัดๆ มีประมาณ 3,000 ล้านบาท จากงบกลางปี 65 ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อนุมัติให้มาแล้ว ก็ต้องไปดูว่า ที่เหลือจะนำเงินจากไหนมาใช้ เช่น เงินจากกองทุนหน่วยงานต่างๆ และต้องไปดูด้วยว่า การสนับสนุนตรงให้ภาคเอกชน ทำได้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมสรรพสามิตรับผิดชอบเรื่องแหล่งเงินทั้งหมด”รายงานข่าวระบุ

เพิ่มเพื่อน