'สุริยะ' ล้อมคอกจัดการปัญหาน้ำมันรั่วไหล

สุริยะ’ชงนายกฯ ตั้งอนุกรรมการร่วมฯ ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ สั่ง กนอ.จี้ SPRC ชดใช้ค่าเสียหายกรณีน้ำมันดิบรั่ว ด้าน ‘วีริศ’ เผย บริษัทฯยินดีรับผิดชอบความเสียหายทั้งระยะสั้นและยาว แจงแม้ กนอ.ไม่มีอำนาจในการดูแลท่อและทุ่นขนถ่ายน้ำมันในทะเล แต่พร้อมร่วมแก้ปัญหาเต็มที่

2 ก.พ. 2565 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล ของบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC นั้น ได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบ เพื่อขอให้พิจารณาจัดตั้งอนุกรรมการเพื่อทำหน้าที่สืบค้นปริมาณการรั่วไหลที่แท้จริง หาสาเหตุของปัญหา และหาวิธีการ/มาตรการการแก้ที่ต้นเหตุแห่งปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะประกอบด้วย อาทิ ผู้แทนจังหวัด ผู้แทนกรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) กรมควบคุมมลพิษ และกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น

ทั้งนี้จะมีหน้าที่วิเคราะห์สาเหตุ ตรวจสอบความเหมาะสมของวิธีการและวงรอบในการทำการซ่อมบำรุงระบบต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง และพิจารณาออกกฎระเบียบหรือเสนอกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เมื่อได้ผลสรุปที่เหมาะสม ก็จะนำไปขยายผลรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนำไปพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า กนอ.ได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของรมว.อุตสาหกรรมแล้ว โดยได้สั่งการให้บริษัท SPRC แสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม แม้ว่าภารกิจหลักของกระทรวงอุตสาหกรรมคือการดูแลโรงงานและโรงกลั่น และการดูแลท่อและทุ่นขนถ่ายน้ำมันในทะเลจะไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของ กนอ. แต่ กนอ.ก็พยายามมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ โดยยึดหลักการของการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ระหว่างอุตสาหกรรม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

โดยขณะนี้บริษัทฯ ได้ออกแถลงการณ์ระบุถึงมาตรการด้านการเยียวยาต่างๆ แล้ว ซึ่งทางบริษัทฯ ยินดีที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทางจังหวัดในการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ในกรณีน้ำมันดิบรั่วไหลอีกด้วย ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลสามารถติดต่อและยื่นเรื่องได้ที่จุดรับเรื่องราวร้องทุกข์ กรณีพบคราบน้ำมัน หรือกรณีพบน้ำมันดิบรั่วไหล

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2565 ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 (ศคปน.ทรภ.1) ระบุว่า ไม่พบคราบน้ำมันในทะเลตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 30 ม.ค.2565 ซึ่งสอดคล้องกับภาพถ่ายจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ขณะที่การเก็บกู้ชายหาดนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแล้วเสร็จประมาณ 90% รวมถึงจัดให้มีสายด่วนเพื่อรับแจ้งกรณีพบคราบต้องสงสัยบริเวณชายหาดเพิ่มเติม ซึ่งจะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วเข้าไปพิสูจน์และเก็บกู้คราบน้ำมันด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุริยะ' ย้ำที่เขากระโดงเป็นของรฟท. ส่วนที่ดินอัลไพน์ ยันไม่ผิดกฎหมาย

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าภายหลังการรถไฟ

'สุริยะ' ลั่น รฟท.ไม่ยอมเสียที่ดินให้ใคร ขอให้จบในชั้นเจ้าหน้าที่ อย่าขยายประเด็นการเมือง

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีกรมที่ดินมีมติไม่เพิกถอนสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)และกรมที่ดิน

'สุริยะ' ย้ำศึกษาเก็บภาษีรถติด​ ขอเวลา​ 6 เดือน - 1 ปี

“สุริยะ" ชี้​ ยังเป็นแค่ผลการศึกษาเก็บภาษีรถติด​ ขอเวลา​ 6 เดือน-1 ปี​ ตั้งธงเก็บแค่รถเก๋ง 40-50 ต่อวัน​ เฉพาะเส้นมีรถไฟฟ้า ส่วน​รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย​ต้องทำให้เสร็จก่อน​ลั่น ปีหน้า​ เกิดแน่​

'สุริยะ' เดินหน้าแก้สัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม​ 3 สนามบิน​ อ้างต่างฝ่ายต่างผิดสัญญา​

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ​ จึงรุ่งเรืองกิจ​ รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม​ กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขสัญญารถ

จับตา 22 ต.ค.นี้ชง ครม. เคาะตั้งประธานบอร์ด รฟม.

“คมนาคม” ชง ครม. เคาะตั้ง “มนตรี เดชาสกุลสม” นั่งเก้าอี้ประธานบอร์ด รฟม. พร้อมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 4 ราย เดินหน้าต่ออายุมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาท ขณะที่ “รฟม.” พร้อมชงบอร์ดชุดใหม่อนุมัติขยายสีม่วง 20 บาทต่ออีก 1 ปีทันที

‘วีริศ’ ลุยงานตรวจความคืบหน้าโครงการรถไฟสายอีสาน

‘วีริศ’ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พร้อมรับรับฟังความคืบหน้าโครงการ ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ มอบผู้บริหารร่วมกันวางแผนการใช้ประโยชน์จากโครงการต่างๆ ให้คุ้มค่าสูงสุด ย้ำเร่งผลักดันอุตสาหกรรมระบบรางของไทย เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียน