มหากาพย์อุบัติเหตุบนถนนพระราม2 จะปลอดภัยกี่โมง? คมนาคมขู่ขีดเส้นเมษาวัดใจ ใช้สมุดพกลงดาบผู้รับเหมา

จากกรณีที่เกิดอุบัติเกิดเหตุคานสะพานก่อสร้างทรุดตัว เป็นพื้นที่การก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บเป็นจำนวนมากนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดซ้ำซาก สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว แน่นอนว่าเรื่องนี้ร้อนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับเสียงก่นด่าเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ถึงขั้นเรียกร้องให้ผู้บริหารแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก

22 มี.ค. 2568 – หลังจากตกเป็นเป้าจากกระแสสังคมถึงเรื่องความไม่ปลอดภัย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียก สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมทางหลวง (ทล.), กรมทางหลวงชนบท (ทช.), การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.), การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และกรมบัญชีกลาง ประชุมหารือเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างถนนและเส้นทางคมนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังเกิดเหตุการณ์คานสะพานถล่มในไซต์งานก่อสร้างโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2568

ภายหลังประชุมร่วมกับนายกฯ สุริยะ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการชัดเจนว่าหากตรวจสอบพบความผิดเกิดจากผู้รับเหมาหรือผู้ควบคุมงาน ให้พิจารณาตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ว่าด้วยเรื่องการทิ้งงานมาใช้กำกับ ส่วนการใช้มาตรการ “สมุดพก” กับผู้รับเหมา เท่าที่มีการหารือกับ แพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้รับคำแนะนำว่า สามารถใช้ข้อบังคับตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ได้ระหว่างรอมาตรการสมุดพก

ส่วนกรณีเรื่องนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบต่างๆ มีข้อกังวลว่า ตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ดังกล่าวให้หน่วยงานที่กำกับพิจารณามาตรการลงโทษตามดุลยพินิจ ซึ่งมีความไม่แน่นอนและอาจจะทำให้ถูกฟ้องร้องตามมาได้ในอนาคต อย่างไรก็ตามจะมีการตรวจสอบให้ชัดเจน หากพบว่าผู้รับเหมากระทำความผิดก็จะใช้มาตรการสูงสุดในการดำเนินการต่อไป

ส่วนมาตรการสมุดพกผู้รับเหมานั้น ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้ทำเสร็จแล้ว อยู่ในขั้นตอนกระทรวงการคลังเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีลงนามเข้า ครม.แล้ว จากนั้นจะมีการประกาศกฎกระทรวงต่อไป คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ช่วงปลายเดือน เม.ย.2568 ซึ่งสมุดพกผู้รับเหมาจะมีรายละเอียดชัดเจน กรณีผู้รับเหมาทำงานมีปัญหาแต่ละเรื่อง จะถูกตัดกี่คะแนน ทั้งการเกิดอุบัติเหตุ ล่าช้า เป็นต้น

จ้างวิศวกรรมสถาน Audit การทำงาน “ผู้รับเหมา-ที่ปรึกษา”

สำหรับโครงการก่อสร้าง 2 โครงการบนถนนพระราม 2 คือ ทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกฯ และมอเตอร์เวย์ M82 สายบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว ที่เกิดอุบัติเหตุในระหว่างการก่อสร้างนั้น ก่อนหน้านี้เคยเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยไปแล้ว แต่ก็ยังเกิดซ้ำๆ กระทรวงคมนาคมเห็นว่าจะต้องเพิ่มมาตรการมากขึ้นเพื่อป้องกัน จึงได้พิจารณาที่จะจ้างสภาวิศวกรเข้ามาตรวจสอบหรือ Audit กระบวนการก่อสร้างของผู้รับเหมาและที่ปรึกษาอีกชั้นหนึ่ง

ซึ่งหากพบมีปัญหาไม่ถูกต้องครบถ้วน ให้รายงานตรงต่อรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานเจ้าของโครงการ คือ อธิบดีกรมทางหลวง ผู้ว่าฯ กทพ. ซึ่งจะต่างจากเดิมที่จะเป็นการขอความร่วมมือให้สภาวิศวกรเข้ามาตรวจสอบ มาช่วยดู โดยไม่รับค่าจ้าง ซึ่งก็อาจจะมีเรื่องบุคลากรของสภาวิศวกรที่จะเข้ามาทำงานด้วย จึงคิดว่าจะต้องว่าจ้างจริงจังเพื่อให้ได้มีบุคลากรมาช่วยดูแล ซึ่งกระทรวงจะให้กรมทางหลวงและ กทพ.พิจารณาเรื่องงบประมาณในการว่าจ้างโดยเร็ว ส่วนการเอาผิดบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง ต้องรอสอบสวนก่อน ถ้าพบความผิดจะดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา และอาจจะถูกยึดใบอนุญาตด้วย

ขณะที่ ชยธรรม พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ต้องการให้สภาวิศวกรเข้ามาเพราะเป็นคนกลางที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่ที่ผ่านมากรณีมีประเด็นก็จะให้สภาวิศวกรมาช่วยดูแบบฟรีๆ การทำงานคงเต็มประสิทธิภาพไม่ได้ ดังนั้นหากมีการจ้างที่ชัดเจนก็จะทำให้สามารถจัดทีมวิศวกรเข้ามาทำงานได้อย่างเต็มที่ เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วนด้านความปลอดภัยของ 2 โครงการนี้ ซึ่งในหลักการของการควบคุมงานต่างกัน คือ โครงการมอเตอร์เวย์ M82 ของกรมทางหลวง มีสัญญาจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยวิศวกรของกรมทางหลวงควบคุมการก่อสร้างเอง

ส่วนโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนองฯ มีสัญญาจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง และมีสัญญาจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง โครงสร้างการทำงานมีครอบคลุมแล้ว และมีหน้าที่แต่ละส่วนตามหลักวิศวกรรม แต่เมื่อยังเกิดอุบัติเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก ภายใต้สัญญาปัจจุบัน ทำให้ต้องหาคนกลางที่มีความสามารถด้านวิศวกรรมมาช่วยควบคุมและรีเช็กตามหลักปฏิบัติวิศวกรรมด้านความปลอดภัยทุกขั้นตอน

กำชับต้องเน้นความปลอดภัย

นายสุริยะกล่าวต่อว่า ส่วนความมั่นใจเรื่องโครงสร้างของงานก่อสร้าง เท่าที่มีการก่อสร้างมาในหลายๆ โครงการยังไม่พบว่ามีโครงการไหนประสบปัญหานี้เลย ในขั้นตอนการออกแบบจะมีมาตรการกำกับตามหลักวิศวกรรมอยู่แล้ว เพียงแต่ในขั้นตอนการก่อสร้างอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามา ทั้งการควบคุมงานหรือความประมาทเลินเล่อของผู้รับเหมา ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนวัสดุก่อสร้างได้มาตรฐานหรือไม่นั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในประเด็นนี้ น่าจะเป็นประเด็นการดำเนินการตามขั้นตอนมากกว่า ซึ่งหน่วยงานมีการกำกับดูแลอยู่แล้ว และหวังว่าแบล็กลิสต์ได้ ก็จะทำให้ผู้รับเหมากลัวมากขึ้นและทำให้ทำงานรอบคอบรัดกุมมากขึ้น

ส่วนกรณีผู้รับเหมาหลายรายมีปัญหาสภาพคล่องจากผลกระทบโควิด-19 ในขณะที่กระทรวงคมนาคมมีนโยบายสั่งให้เร่งรัดการก่อสร้างให้เสร็จภายใน พ.ย.2568 เป็นปัจจัยทำให้เกิดอุบัติเหตุด้วยหรือไม่นั้น นายสุริยะกล่าวว่า ผลกระทบโควิดได้เยียวยาต่อสัญญาก่อสร้างให้แล้วตามมติ ครม. ส่วนปัญหาสภาพคล่องซึ่งกระทรวงคมนาคมได้พิจารณาช่วยเหลือค่า K แก่ผู้รับเหมาที่ทำงานบนถนนพระราม 2 ให้แล้ว จึงไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้การทำงานมีปัญหา และทุกครั้งที่ประชุมร่วมกับผู้รับเหมาเพื่อเร่งรัดการก่อสร้าง ได้เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ต้องทำงานแบบมืออาชีพตามขั้นตอนวิศวกรรม ซึ่งเมื่อได้ช่วยเหลือปัญหาผู้รับเหมาไปแล้ว และเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยไปหลายครั้งแต่ไม่ได้ผล ยังเกิดอีก ก็ต้องนำเรื่องแบล็กลิสต์มาใช้

ขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามทำงานรัฐ

นายสุริยะกล่าวถึงกระแสสังคมที่ให้กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากเกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้งนั้น ในการทำโครงการมีสัญญาจ้างผู้รับเหมา กำหนดเงื่อนไขการทำงาน ก็ต้องถามว่าอธิบดีจะมีอำนาจมากกว่าที่กำหนดหรือไม่ ที่หากผู้รับเหมาทำงานช้าหรือบกพร่องก็ปรับหรือลงโทษตามขอบเขตสัญญา หน่วยงานก็ปรับ ลงโทษตามที่กำหนด แต่สัญญาไม่ได้เขียนว่า หากมีคนเสียชีวิตอธิบดีต้องรับผิดชอบอย่างไร ส่วนผู้รับเหมาก็บอกว่าทำตามเงื่อนไข จึงต้องหามาตรการเพิ่มเติมเป็นสมุดพก กรณีเกิดเหตุรุนแรงก็ตัดคะแนน ลดชั้น แบล็กลิสต์

“เรื่องนี้ได้อธิบายข้อเท็จจริงให้ทราบแล้วว่า สิ่งที่กระทรวงดำเนินการมาตลอด จนในที่สุดมีเรื่องมาตรการออกมาให้ชัดเจน จะขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมา ตรงนั้นก็ทำให้เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นแน่นอน โดยงานก่อสร้างบนถนนพระราม 2 จะต้องเสร็จในสิ้นปีนี้แน่นอน ที่ผ่านมาได้กำชับหน่วยงานที่ต้องก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ให้คำนึงถึงความปลอดภัยแล้ว และในส่วนของกระทรวงเองก็ได้เชิญผู้รับเหมามาหารือถึงมาตรการทางด้านความปลอดภัยแล้ว แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุการณ์อีก จึงมีการเสนอมาตรการสมุดพกขึ้นมา พอถึงจุดหนึ่งเมื่อมีการเสียชีวิตขึ้นก็จะให้บริษัทนั้นขึ้นบัญชี จะทำให้เข้ามารับงานของรัฐไม่ได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้บริษัทนั้นล้มละลายก็ได้” นายสุริยะ ระบุ.

เพิ่มเพื่อน