คอสเมด อินโนเวชั่น รุกคืบตลาดเครื่องสำอาง เร่งเครื่องดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ปั๊มรายได้ปี 68 โตทะยาน 30%

คอสเมด อินโนเวชั่น ปิดจ๊อบปี 2567 เติบโต 30% เผยแผนธุรกิจปี 2568 เดินหน้ารุกตลาดเต็มกำลังครั้งแรกผ่านกลยุทธ์ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ พร้อมอวดศักยภาพงานวิจัยในงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 ตั้งเป้าดันรายได้สิ้นปีโตอีก 30% ทะลุ 2,000 ล้านบาท

21 มี.ค. 2568 – เภสัชกร วาที รัตนวิสาลนนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอสเมด อินโนเวชั่น จำกัด ผู้รับผลิตเครื่องสำอาง เวชสำอาง สกินแคร์ และอาหารเสริมแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทมีอัตราการเติบโตสูงถึง 30% โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการจัดกิจกรรม Open House เปิดบ้านต้อนรับลูกค้าที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจความงาม เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นศักยภาพของบริษัท ผ่านการนำเสนอ “Real Mockup”  นวัตกรรมนำเสนอสินค้าจริง ด้วยเครื่อง Crystal Screen และ เครื่องพิมพ์บรรจุภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น ทำให้ลูกค้าเห็นภาพผลิตภัณฑ์เป็นรูปธรรมและสัมผัสเนื้อครีมชนิดต่าง ๆ ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจ เนื่องจากลูกค้าสามารถวางแผนและสร้างไอเดียแบรนด์ของตนเองได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปี 2568 บริษัทวางแผนเดินหน้าการตลาดเชิงรุกเป็นครั้งแรก โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ไม่เน้นการใช้ งบประมาณการตลาด ในการสื่อสารกับลูกค้า ทำให้กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่รู้จักบริษัทผ่านผลิตภัณฑ์ตามช่องทางจัดจำหน่ายเท่านั้น แต่ในปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งให้ความสำคัญกับ การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) โดยเฉพาะการจัดตั้งทีมการตลาดดิจิทัล เพื่อเจาะกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างแบรนด์ของตนเอง เน้นการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok, Facebook, Instagram ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังในการเข้าถึงกลุ่ม คนรุ่นใหม่ และเจ้าของแบรนด์หน้าใหม่ ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าจากเดิมที่เป็นเจ้าของแบรนด์เดิมหรือกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป ไปสู่กลุ่มที่ต้องการสร้างแบรนด์ใหม่และอายุหลากหลายมากขึ้น

เภสัชกร วาที เผยว่าอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในปี 2568 คือการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ เข้าร่วมงานระดับนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการพบปะลูกค้าจากทั้ง ไทยและต่างประเทศ

“การเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เราไม่ได้ต้องการแค่บุกตลาด แต่ยังต้องการโชว์ศักยภาพด้าน งานวิจัยและนวัตกรรม ของเรา ที่เราใช้งบประมาณกว่า 10% ของยอดขายสนับสนุนการวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเชื่อว่าการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีงานวิจัยรองรับ จะทำให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์และเติบโตอย่างยั่งยืน” เภสัชกร วาที กล่าว

ขณะที่เทรนด์ความงามที่มาแรงในปี 2568 จะเป็นในกลุ่มเวชสำอาง (Cosmeceutical) ที่ยังมาแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิวหลังการทำเลเซอร์และทรีตเมนต์ เนื่องจากผู้บริโภคมีความรู้เรื่องสกินแคร์มากขึ้น และให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลผิวและการเติมความชุ่มชื้น จากเดิมที่ตลาดเน้นกลุ่ม Whitening เป็นหลัก ปัจจุบันกลุ่ม เวชสำอาง กำลังเติบโตสูง เนื่องจากสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับ การดูแลสุขภาพผิวแบบองค์รวมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ขนาดเล็กลง (Mini-size) เช่น ครีมซอง (Sachet Cream) ซึ่งยังคงเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากราคาย่อมเยาและเข้าถึงง่าย โดยบริษัทฯ เป็นผู้บุกเบิกการผลิต ครีมซอง ให้กับหลายแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด และครีมซองกลายเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของ เครื่องสำอางไทย ที่ต่างชาติให้ความสนใจ

เภสัชกร วาที กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน โซเชียลมีเดีย (Social Media) ช่วยให้แบรนด์ไทยสามารถแข่งขันกับ อินเตอร์แบรนด์ (International Brands) ได้มากขึ้น แตกต่างจากอดีตที่การลงโฆษณาต้องพึ่งพาสื่อแบบดั้งเดิมที่มีค่าใช้จ่ายสูง ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ช่องทางออนไลน์ที่หลากหลาย โปรโมตแบรนด์ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าแต่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้แบรนด์ไทยมีโอกาสเติบโตและสร้างชื่อเสียงในระดับสากลได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากการตลาดเชิงรุกตลอดปี 2568 บริษัทฯ คาดการณ์รายได้จะเติบโต 30% หรือมีรายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท จากการขยายฐานลูกค้าในตลาดใหม่ ๆ และสนับสนุนผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์ของตนเอง

เพิ่มเพื่อน