ทรัมป์ใช้ทำเนียบขาวเป็นโชว์รูมเทสลา ตัวอย่าง 'ธุรกิจการเมือง' คล้ายไทย??

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซื้อรถยนต์เทสลารุ่นใหม่ โดยเลือกรถเก๋งสีแดง เพื่อแสดงการสนับสนุนบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของอีลอน มัสก์ ซึ่งเผชิญกับกระแสตอบรับเชิงลบจากการทำงานเพื่อผลักดันวาระทางการเมืองของประธานาธิบดีและลดขนาดรัฐบาล

17 มี.ค. 2568 – ขณะค่อยๆ ก้าวขึ้นนั่งที่นั่งคนขับของรถยนต์รุ่น Model S ทรัมป์กล่าวว่า “ว้าว ! … รถสวยมากๆ” ประธานาธิบดียังกล่าวอีกว่าเขาหวังว่าการซื้อรถยนต์คันนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายเทสลา ซึ่งกำลังเผชิญกับยอดขายที่ตกต่ำและราคาหุ้นที่ลดลง “มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม” ทรัมป์กล่าวถึงมัสก์ว่า “เราต้องเฉลิมฉลองให้เขา”

“นี่เป็นตัวอย่างล่าสุดและการแสดงความรู้สึกของทรัมป์ที่มีต่อมัสก์ ซึ่งทุ่มเงินมหาศาลในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว โดยราคาหุ้นของ เทสลาเพิ่มขึ้นเกือบ 4% เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2025 หลังจากร่วงลงเกือบ 48% นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม”

ย้อนกลับไปดูข่าววันที่ 7 พฤศจิกายน 2024 หลังวันเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 เพียง 2 วัน ระบุว่า หุ้นของเทสลาปิดตลาดวันที่ 6 พฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 15% เนื่องจากนักลงทุนเก็งว่าความสนิทสนมระหว่างอีลอน มัสก์และทรัมป์จะเป็นประโยชน์ต่อเทสลา โดยนักลงทุนน่าจะอิงจากการที่ทรัมป์ย้ำอยู่เสมอว่า เขาจะขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากเม็กซิโกและที่อื่น ๆ เพิ่มเป็น 200% หรือมากกว่านั้น และอาจบังคับใช้กับรถยนต์จากเอเชียและยุโรปด้วย แม้ทรัมป์ต้องการลดการนำเข้ารถยนต์จากจีน แต่ทรัมป์ยังเปิดให้ค่ายรถจีนเข้ามาผลิตรถยนต์ในสหรัฐ

ไทยทนเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ มีบทเรียนน่าสนใจ ดังนี้

1. ความเท็จที่ “นักธุรกิจการเมือง” ขาย ตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง ไม่สามารถฝืน “ความจริง” ไปได้ การที่ทรัมพ์พยายามใช้วิธี โกหกใส่ร้าย ว่า รัฐบาลก่อนหน้านี้ ไม่รู้จักใช้ “กำแพงภาษี” เพื่อปกป้องกิจการในสหรัฐอเมริกา โดยทรัมพ์ถึงกับบอกฐานเสียงของเขาว่า “กำแพงภาษี (Tariff)” เป็นคำศัพท์ที่สวย 1 ใน 3 ของพจนานุกรม … การเก็บภาษีของเขา จะไม่ใช่เก็บภาษีจากคนอเมริกัน แต่ ผู้เสียภาษี คือ บริษัทต่างประเทศที่ส่งสินค้าเข้ามาขาย

… เป็นการมอมเมา ประชาชนผู้บริโภคอย่างไม่อาย นานาชาติ เตือนว่า การขึ้นกำแพงภาษี จะกลับมาทำให้ผู้บริโภคต้องเจ็บปวด จากการจ่ายราคาที่สูงขึ้น ทั้ง แคนนาดา แม็กซิโก จีน ต่างก็สอนหลัก เศรษฐศาสตร์ 101 (พื้นฐาน) ให้ชาวอเมริกัน !

… ก็การขึ้นภาษี เพื่อป้องกันไม่ให้รถจากต่างประเทศที่ราคาต่ำ แข่งขันได้ดี จะขายเข้ามาในตลาดสหรัฐฯได้ง่ายๆ ผู้ประกอบการจะต้องมีภาระภาษี เมื่อมีภาระภาษี เขาก็ต้องขายราคาแพงขึ้น เพื่อให้กิจการในสหรัฐฯอย่างเทสลา ซึ่งเป็น “ผู้แพ้” กลับมาสามารถขายรถได้ เพราะ ขายในราคาของเขา คือ “แพงกว่ารถจีน” ได้ !

… มันก็ไม่แปลกที่เมื่อชาวอเมริกันที่มีความรู้ จะส่งสัญญาณให้รัฐบาลทรัมพ์ และ เทสลา ได้รับบทเรียนว่า การเอาอำนาจการเมืองไปเอื้อธุรกิจเช่นนี้ ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน และ เขาอยากต่อต้านด้วยการไม่ซื้อรถเทสลา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

… ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนทั่วโลก รับทราบแล้วว่า เทสลา “ยกธงขาว” ยอมแพ้ในการแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ จากประเทศจีน เพราะ เทสลา มีต้นทุนรถยนต์ที่แข่งขันไม่ได้ และ รถยนต์อีวีของจีน ก็พิสูจน์ตัวเองแล้วโดยผู้ใช้ว่าใช้งานได้ดี จึงขยายตลาดอย่างต่อเนื่องทั่วโลก และ ก็เห็นชัดว่า อำนาจการเมืองที่จะปกป้องเทสลา ที่มีผลทำให้ราคารถยนต์สำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องจ่ายแพงขึ้นนั้น ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

… และ นักลงทุนเริ่มเห็นท่าทีของโดนัล ทรัมพ์ ผู้นำโลก พูดจา “กลับไปกลับมา” แทบทุกวัน วันนี้จะเริ่มกำแพงภาษี วันต่อไปจะเลื่อน แล้วจะกลับมาใหม่ แล้วก็เลื่อนอีก ฯลฯ ทำให้นโยบายกำแพงภาษีก็เริ่มไม่แน่นอนมากขึ้น

… และแม้จะได้นโยบายกำแพงภาษีช่วย ด้วยรถที่แพงขึ้น เทสลาก็จะขายได้น้อยลงอยู่ดี

… และ การโต้ตอบจากนานาชาติจะเกิดขึ้น เทสลา แข่งในบ้านตัวเองในสหรัฐฯยังแข่งยาก จะไปแข่งในต่างประเทศซึ่งคาดได้ว่า จะมีมาตรการตอบโต้ ทำให้เทสลายิ่งแข่งขันไม่ได้ ผลจึงทำให้นักลงทุนถล่มข่ายจนหุ้นเทสลาตกมา 48% หลังจากทรัมพ์รับตำแหน่งประธานาธิบดี คือ ตกลงมาเกือบครึ่ง !

2. นักธุรกิจการเมืองไทย ควรมองไว้เป็นบทเรียน ในไทย นโยบายเงินดิจิตอล ที่รัฐบาลได้พยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยรัฐบาลเศรษฐา สนับสนุนโดยอดีตนายกฯ ทักษิณ โดยตั้งใจไม่ใช้แอ็ป “เป๋าตังค์” ซึ่งพัฒนามาได้อย่างดีเลิศ จนถือว่า ประเทศไทยเป็นประเทศ “กระเป๋าตังค์ ดิจิตอล” ที่ดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แต่จะพัฒนาเหรียญ ประเภท คลิปโตเคอเรนซี หรือ แม้ภายหลัง จะพยายามเปลี่ยนมาเป็น Stable Coin ก็ตาม ก็ดูเหมือนพยายามผลักดันเทคโนโลยี บล็อกเชน เพื่อใช้ตรวจสอบบัญชีของประชาชน (Proof of Stake) ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับบิทคอยน์ก็บอกได้ว่า “เป็นไปไม่ได้” ที่จะทันกับการใช้จ่ายจริงในชีวิตประชาชนจำนวนมาก

… ในสมัยรัฐบาลเศรษฐา ข้อสงสัยก็หนักมาก จากการที่เกี่ยวข้องกับกิจการของ เอ็กซ์สปริง ในเครือเดียวกับแสนสิริ แต่ต่อมา สมัยรัฐบาลแพทองธาร ก็ยังพยายามต่อไป โดยเห็นได้จาก “พ่อ” ที่ยังโปรโหมตเรื่องเงินเหรียญคริปโตฯอยู่ เรื่องนี้อาจทำให้ รัฐบาลต้องเสียงบประมาณพัฒนาระบบอย่างไร้ค่า สวนกับเสียงเตือนทางวิชาการกระหึ่มโซเชียลมีเดียมากมาย เพราะ “เป๋าตังค์” ตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ก็ใช้ได้ดีมีประสิทธิภาพอย่างเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว

นักธุรกิจการเมือง ลงทุนเพื่ออำนาจ และ ใช้อำนาจเอื้อธุรกิจ เป็นการทำลายประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เรื่องนี้ปรากฏชัดเจนกับสหรัฐอเมริกาในขณะนี้

และก็เคยเกิดขึ้นในไทยในรุ่นพ่อมาแล้ว ก็ขออย่าให้รุ่นลูกต้องแปดเปื้อนด้วยปัญหาธุรกิจการเมืองเหมือนรุ่นพ่ออีกเลย

ไทยทน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 52)

ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490 เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475

ดร.ณัฏฐ์ ซัด ‘นันทนา’ เล่นเกมสองหน้า เบรก ‘สว.’ เลือกตุลาการศาลรธน.

ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน ซัด ‘สว.นันทนา’ เล่นเกมสองหน้า ยกปมฮั้ว เบือกสว.ให้ชะลอเห็นชอบว่าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ชี้เป็นอำนาจหน้าที่ สว. มีผลสมบูรณ์ ไม่ตกเป็นโมฆะ

'หมอยง' ย้อน 'ไข้หวัดนก' ยุคแรกที่ระบาดในไทย เทียบกับอเมริกาทำไข่ทรัมป์ราคาพุ่ง

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

นันทิวัฒน์ ชี้ไทยมีอธิปไตย หากอเมริกาไม่ทบทวน รัฐบาลไทยต้องทบทวนท่าที่ต่อสหรัฐบ้าง

การส่งกลับอุยกูร์ 40 กว่าคนในครั้งนี้ ไม่ใช่การบังคับ ส่งกลับ แต่เป็นความสมัครใจ ประการสำคัญ นี่คือกระบวนการของการนำพา และรับจ้างนำทางอุยกูร์ข้ามแดนเพื่อไปชีวิตใหม่ที่ดีกว่า