คมนาคมเร่ง ‘แลนด์บริดจ์’ ดันเป็นเส้นทางหลักการขนส่งในภูมิภาค

“ศักดิ์สยาม”ตรวจงานความคืบหน้าแลนด์บริดจ์ สั่ง สนข.พิจารณาแผนแม่บทระยะยาว ดันเป็นเส้นทางหลักการขนส่งสินค้าในภูมิภาค แนะใช้โมเดลท่าเรือต่างประเทศที่ประสบผลสำเร็จ ย้ำรับฟังความเห็นประชาชน–สังคม ประสาน ก.ทรัพย์ฯ พัฒนาพื้นที่ร่วมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

27 ม.ค.2565-นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (แลนด์บริดจ์) ชุมพร–ระนอง ครั้งที่ 1/2565 เพื่อติดตามผลการดำเนินการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องว่า ในแผนการดำเนินการศึกษาโครงการดังกล่าว จะต้องมีการศึกษาตัวเลขด้านเศรษฐกิจด้านต่างๆ เกณฑ์การพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนรวามถึงรายละเอียดของค่าก่อสร้างให้มีความชัดเจน เนื่องจากโครงการนี้มีผลต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว

ทั้งนี้ จากการศึกษาเทียบเคียงท่าเรือทั่วโลกที่มีการรองรับปริมาณสินค้าเทียบเท่าท่าเรือแลนด์บริดจ์ในประเทศไทยพบว่า โครงการสามารถสร้างรายได้จากการบริหารท่าเรือ การเติมน้ำมันทางทะเล กิจกรรมการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จากการเป็นท่าเรือขนถ่าย (Transshipment)ขณะเดียวกัน มีการประมาณการรายได้รวมของอุตสาหกรรมที่จะพัฒนาในพื้นที่ ได้แก่ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีอนาคต (Mega Trend) อุตสาหกรรมฮาลาล อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เช่น อาหารทะเล ผลไม้ ยางพาราและปาล์มน้ำมันขั้นสูง รวมถึงอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรม Cold Chain การจัดเก็บ และกระจายสินค้า เป็นต้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พิจารณาการพัฒนาแผนแม่บทการพัฒนาโครงการในระยะยาว ให้สามารถรองรับปริมาณสินค้าได้เต็มศักยภาพ โดยอาจจะมองว่าแลนด์บริดจ์ในระยะแรกจะเป็นเส้นทางเลือกในการขนส่งสินค้าทางทะเล แต่เมื่อมีการพัฒนาเต็มศักยภาพแล้ว จะเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าในภูมิภาค โดยให้พิจารณาต้นแบบจากท่าเรือในต่างประเทศที่ประสบผลสำเร็จ

นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ สนข. และที่ปรึกษา ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และต้องศึกษาออกแบบการพัฒนาโครงการต้องควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และยังกำชับให้ศึกษามาตรการป้องกันผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม ชุมชน และวิถีชีวิตให้รอบด้านอีกทั้ง 

ขณะเดียวกันได้ด้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสร้างความรับรู้ให้กับภาคประชาชน และภาคสังคมเพื่อให้ไม่เกิดปัญหาในการปฏิบัติ รวมถึงให้ดำเนินการในประเด็นที่เกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน โดยเฉพาะด้านกฎหมาย โดยจะต้องประสานข้อมูลไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ร่วมกับการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการขนส่งสินค้าประเภทตู้คอนเทนเนอร์ผ่านช่องแคบมะละกาอยู่ที่ประมาณ 24.7 ล้านตู้ต่อปี คิดเป็น 4.3% ของปริมาณสินค้าที่ขนส่งทั่วโลก ดังนั้นทำให้ท่าเรือสิงคโปร์กลายเป็นท่าเรือที่มีคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือ น้ำมันใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย และเป็นท่าเรือที่มีตู้สินค้าผ่านมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่งผลให้พื้นที่ภาคใต้ของไทย จึงมีความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาค 

สำหรับการเป็นประตูการขนส่งและแลกเปลี่ยนสินค้า เป็นช่องทางการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างทวีปต่างๆ ของโลก อีกทั้งยังมีความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์จากตำแหน่งที่ตั้งโครงการ ซึ่งสามารถลดเวลาและระยะทางการขนส่ง จากเดิมทำให้ประหยัดต้นทุนการขนส่งหลีกเลี่ยงปัญหาการติดขัดของช่องแคบมะละกา จึงมีแนวโน้มในการจูงใจผู้ประกอบการขนส่งและนักลงทุนให้ใช้ประโยชน์จากเส้นทางนี้มากขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เดินตามแนวพระราชดำริ...ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมชุมพร

ในช่วงวันที่ 13-15 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมามรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงได้พัดปก คลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ตอนล่างเคลื่อนลงสู่ทะเลอัน