
DRT ปรับกลยุทธ์รับมือความท้าทายปี 67 หนุนทำรายได้รวม 4,991.35 ล้านบาท เตรียมเสนอบอร์ดพิจารณาจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง
13 ก.พ. 2568 – นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา บันได แผ่นพื้นและผนัง SPC อาคารสำเร็จรูป (Diamond Modular) บริการติดตั้งโครงหลังคาสำเร็จรูปและกระเบื้องหลังคา ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานปี 2567 ว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ และมีความท้าทายจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว ความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน ภาวะหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีที่อยู่ในระดับสูง และการเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,991.35 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 506.25 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,646.88 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 637.51 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าและเตรียมความพร้อมรับมือปัจจัยลบต่างๆ โดยการบริหารช่องทางจำหน่ายหลักทั้ง 4 ช่องทางให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ กลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ และตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งมุ่งเน้นการขายและการตลาดเชิงรุกเพื่อขยายตลาดและฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ เช่น ตลาดปรับปรุงซ่อมแซมบ้านและคอนโดมิเนียมที่มีความต้องการใช้สินค้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ขยายไลน์สินค้าใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ภายใต้กลยุทธ์ “สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง” พร้อมทั้งได้นำเสนอสินค้าพร้อมบริการติดตั้งโดยทีมช่างมืออาชีพผ่าน DIAMOND SOLUTIONS เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ DIAMOND ROOF SOLUTIONS ผลิตภัณฑ์หลังคาพร้อมบริการติดตั้ง และ DIAMOND SPC SOLUTIONS ผลิตภัณฑ์ SPC เพื่องานปูพื้น บันได และผนัง ซึ่งผลิตจากวัสดุ คุณภาพสูงที่มีความแข็งแรงพร้อมบริการติดตั้ง รวมถึงได้มุ่งบริหาร Product Mix และควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
จากผลการดำเนินงานปี 2567 จึงเตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาการจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง (กรกฎาคม-ธันวาคม) ปี 2567 แก่ผู้ถือหุ้น โดยนับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2548 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ตอกย้ำการเป็นหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ
ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างปี 2568 คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยบวกจากการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของภาครัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลง การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก สงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอน และสถานการณ์อัตราหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กสิกรไทยโชว์กำไรปี 67 ทะลุ 4.8 หมื่นล้านบาท
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ยังมีสัญญาณฟื้นตัวไม่ทั่วถึง (K-Shaped Recovery) แม้ในภาพรวมสามารถประคองการขยายตัวไว้ได้ในระดับที่สูงกว่าปี 2566 โดยภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าบางหมวดที่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรสินค้าเทคโนโลยีขยายตัวได้ดี แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนยังมีสัญญาณอ่อนแอท่ามกลางแรงกดดันต่อเนื่องจากปัญหาความสามารถในการแข่งขัน ข้อจำกัดของกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศ และปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
บีเจซี เผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 ดันรายได้รวมเติบโตทะลุ 41,774 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโตกว่า 14.2%
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 3/67 เท่ากับ 41,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 603 ล้านบาทจากปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 2,825 ล้านบาท
ผลประกอบการ SCGD 9 เดือนแรกปี 67 คว้ากำไร 730 ล้านบาท เพิ่ม 15% จากปีก่อน แม้ฝ่ามรสุมรอบด้าน ไตรมาส 3 ยังกำไร 189 ล้านบาท
ผลประกอบการ SCGD 9 เดือนแรกปี 67 กำไรสุทธิ 730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่ 637 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 เผชิญความท้าทายรอบด้าน
บีเจซี เผยผลประกอบการไตรมาส 2/67 ดันรายได้รวมเติบโตทะลุ 43,085 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานเติบโตกว่า 15%
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 2/67 เท่ากับ 43,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 257 ล้านบาทจากปีก่อน