
‘ธนินท์ เจียรวนนท์’ ประธานอาวุโสเครือซีพี ย้ำชัด ‘ต้องเร่งสร้างคน’ แนะยกระดับการศึกษา-ดึงคนเก่งทั่วโลกมาทำงานที่ไทย แนะรัฐแก้กฎหมาย หวังกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ
4 ก.พ. 2568 – นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ เสนอวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “”Future Thailand: Next Growth” ว่า ประเทศไทยเศรษฐกิจมีอนาคตที่แจ่มใส แม้ว่าจะอยู่ในโลกที่ปั่นป่วน แต่เชื่อมั่นว่า “ในทุกวิกฤตมีโอกาส” โดยเฉพาะการผลักดันการท่องเที่ยว เป็นเรื่องที่จะนำเงินเข้าประเทศได้เร็วที่สุด สิ่งที่ฝากรัฐบาลคือต้องมีงบประมาณที่มาสนับสนุนและมีเป้าหมายให้ชัด ขณะเดียวกันมองว่าโลกปั่นป่วนทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและการเข้าสู่ยุคเอไอ ธุรกิจด้านพลังงานสะอาดและพลังงานนิวเคลียร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ประเทศไทยยังขาดไฟฟ้าที่สะอาดและราคาถูก จึงควรต้องผลักดันเรื่องนี้ด้วย
ขณะเดียวกันประเทศไทยยังได้เปรียบเรื่องของ “การเกษตร” ควรมีงบประมาณมาจัดสรรที่ดิน สร้างถนนเข้าไร่นา พร้อมเน้นย้ำว่าจะต้อง “สร้างระบบชลประทาน” มีการจัดการเรื่องน้ำที่เป็นระบบและทั่วถึง ซึ่งจะทำให้รับมือกับภาวะน้ำท่วมและแล้งให้ดีขึ้น พร้อมทั้งจะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้น 3 เท่า ดังนั้น เมืองไทยยังเต็มไปด้วยโอกาสทางด้านการเกษตร ซึ่งควรต้องสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เช่น ร่วมมือนักวิชาการจากจุฬาฯ ทำการศึกษาและวิจัยพัฒนาพันธุ์พืช ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น โดรน หุ่นยนต์ เอไอ เพราะการเกษตรจะดีได้ต้องมีเทคโนโลยีไฮเทคที่สนับสนุนด้วย ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่จะต้องผลักดัน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเกษตร เพราะ “สินค้าเกษตรคือน้ำมันบนดิน” เป็นทรัยพย์สมบัติที่ล้ำค่าของประเทศไทย หากทำได้จะยิ่งสร้างโอกาสด้านการเกษตรไปถึงธุรกิจอาหาร และธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง
นายธนินท์ เน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญที่จะผลักดันอนาคตของประเทศไทยให้เติบโตคือ “การสร้างคน” เป็นเรื่องใหญ่ พร้อมมองว่า “การศึกษาไม่ใช่ปริญญาแต่คือปัญญา” สถาบันการศึกษาจึงต้องพัฒนาคนให้รองรับการเปลี่ยนแปลง ยกกรณีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เป็นสถาบันการศึกษาอันดับต้นของประเทศในการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน อย่างไรก็ตาม เมืองไทยยังผลิตคนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน จึงมองว่าควรมีการดึงคนเก่งจากทั่วโลกมาลงทุนและทำงานที่ไทย ประมาณ 5 ล้านคน มาช่วยประเทศไทยสร้างธุรกิจใหม่ๆ และทำให้คนไทยเก่งไปด้วย ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ โดยภาครัฐ ควรมีนโยบายและกฎหมายที่เอื้อต่อการดึงคนเก่งเข้ามาลงทุนและทำงานที่ไทย เพราะเราสร้างคนไม่ทันต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจึงจำเป็นต้องเรียนรู้จากคนเก่งทั่วโลก และจะทำให้เกิดการจ้างงานในประเทศมากขึ้น ฉะนั้นประเทศไทยต้องเปิดกว้างและมีนโยบายที่เอื้อหนุนในเรื่องดังกล่าว
การทำธุรกิจให้อยู่รอดได้ ต้องคิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ต้องทำให้ลูกค้ามีรายได้ มีกำลังซื้อ ซึ่งเป็นหน้าที่ของนักธุรกิจในการสนับสนุน แต่ต้องมีพื้นฐานความรู้จากสถาบันการศึกษาในการสร้างคน และรัฐบาลมีหน้าออกกฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนาและสร้างอาชีพ โดยการทำธุรกิจของเครือซีพี ผู้บริหารและพนักงานทุกคนจึงยึดหลักปรัชญา 3 ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจไม่ว่าจะไปลงทุนที่ประเทศใด ประเทศและประชาชนต้องได้ประโยชน์สูงสุด และสุดท้ายถึงจะเป็นประโยชน์ขององค์กร
นายธนินท์ กล่าวอีกว่า ประชาชนจะร่ำรวย ประเทศจะพัฒนา จำเป็นต้องพึ่งพามหาวิทยาลัย โดยภาคธุรกิจเป็นผู้ส่งเสริม ภาครัฐบาลปรับกฎหมายให้เอื้อให้กับการพัฒนา ประชาชนก็จะอยู่ดีกินดี ประเทศชาติก็จะมั่นคง
ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาฯ ได้เสนอวิสัยทัศน์ “Future Thailand: The Comprehensive View” ระบุว่า การกำหนดทิศทางอนาตของประเทศไทยต้องมองใน 10 เรื่องสำคัญ คือ 1.ประเทศไทยควรจะต้องวางจุดยืนทางการเมืองของภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์ให้สมดุล โดยเฉพาะในยุคทรัมป์ 2.0 การกำหนดจุดยืนอนาคตของไทยในปีนี้จึงยิ่งสำคัญ และต้องผนึกกำลังสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วน และควรจะต้องตั้ง “ผู้แทนพิเศษ” ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจากหลายส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนไปเจรจาต่อรองกับผู้นำประเทศเพื่อเปิดประตูให้กับไทยในการขยายโอกาส เพราะในตอนนี้การเจรจาเป็นการต่อรองแบบข้ามภาค รวมไปถึงการจับมือกับอาเซียนเพื่อหนุนการลงทุน การค้าและต้องมองมิติความมั่นคงร่วมด้วย 2. การเตรียมความพร้อมในการรับการปั่นป่วนของเทคโนโลยี AI การเปลี่ยนแปลงของประชากร การเกิดโรคระบาดใหม่และปัญหาสิ่งแวดล้อม 3.การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นการสร้างการเติบโตทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมองว่า “การปรับตัว” รับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ประเด็นที่ 4. ส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นจุดแข็งของไทย ซึ่งทางจุฬาฯ สามารถที่จะจับมือกับภาคเอกชนในการขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าว 5.ความมั่นคงทางอาหาร และสุขภาพ 6.ความมั่นคงทางด้านพลังงาน 7. ปฏิรูปการศึกษาคงไม่พอแต่ต้องยกเครื่องทางการศึกษา บัณฑิตต้องคิดเชิงวิเคราะห์ได้ สถาบันการศึกษาต้องสร้างคนให้มีประสบการณ์ 8.ยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัย 9. ต้องปฏิรูประบบราชการ เพื่อตอบสนองกับความปั่นป่วนของโลก และ 10.ไทยต้องออกจากกับกัดรายได้ปานกลางด้วยนวัตกรรม ผ่านความรู้และการสร้าง R&D โดยรัฐต้องจัดสรรงบประมาณส่งเสริม
นายกสภาฯ กล่าวสรุปปิดท้ายว่า “อนาคตของประเทศ ต้องเป็นอนาคตที่ไทยมีความพร้อม ดั่งที่ท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ ได้เคยกล่าวไว้ว่า ‘ยุคนี้เป็นยุคปลาเร็วกินปลาช้า’ สิ่งสำคัญเพื่อนำพาประเทศให้ก้าวสู่อนาคตอย่างเข้มแข็ง คือ ผู้นำ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม จะต้องรวมพลังเป็นหนึ่งเพื่อประเทศไทย”
ขณะที่ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเสนอหัวข้อ “Future Thailand: Future Education” โดยมองว่า บทบาทของมหาวิทยาลัยของจุฬาฯ ไม่เพียงแต่ให้การศึกษา แต่คือ “การสร้างคน” ต้องสร้างมนุษย์พันธุ์ใหม่ให้ดีกว่าเดิม คือต้องเป็นคนพันธุ์ใหม่ที่มีอนาคตรอบด้าน การจัดงานครั้งนี้ จึงเป็นการผนึกกำลังกันของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ที่จะปรับเปลี่ยนประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิม ผ่านรูปแบบการศึกษาที่จะต้องสร้างความเข้าใจ บทบาทของมหาวิทยาลัยเปลี่ยนไปไม่ใช่การให้ปริญญาเท่านั้น แต่ต้องสร้างคนให้เกิดการคิดวิเคราะห์เป็น มีทักษะแห่งอนาคตที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้บทบาทของมหาวิทยาลัยจึงไม่เพียงแค่ให้ความรู้ แต่ต้องทำให้ประเทศดีขึ้นด้วย ด้วยการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศผ่านการปรับหลักสูตรให้รองรับคนทุกวัย มีการบูรณาการศึกษา ความรู้จะต้องตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลก ต้องปรับบทบาทของผู้เรียนเป็น “Global Citizen & Global Leader” ซึ่งจะทำให้สร้างการเข้มแข็งบนเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เท้ง' ถอนหงอก 'แม้ว' พูดคำโต แต่ทำไม่ได้!
หัวหน้าพรรคปชน. ซัด 'ทักษิณ' โชว์วิชั่น 'เศรษฐกิจดิจิทัล' อาจซ้ำรอย 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ที่เคยประกาศแจกพร้อมกันให้เกิดพายุหมุน แต่ต้องแบ่งเป็นเฟส แนะเลิกใช้ภาษีประชาชนแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ลั่นอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจริง ไม่ใช่แค่คำพูดที่ดูโต แต่ทำไม่ได้
'เจิมศักดิ์' กาง 7 ข้อ วิเคราะห์ 'รัฐบาลแพทองธาร' กับค่าเสียโอกาสและผลกระทบ
'เจิมศักดิ์-นักวิชาการเศรษฐศาสตร์' ยก 7 ประเด็นสำคัญ สะท้อนถึงค่าเสียโอกาสและผลกระทบจากการดำรงตำแหน่งของนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ชี้ความไม่ชัดเจนทางการเมืองและเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อการพัฒนาประเทศไทย
'แม้ว' โวสนั่น ดิจิทัลวอลเล็ตเต็มระบบมาแน่ปีนี้ ดันสเตเบิลคอยน์-ดิจิทัลเอ็มบาสซี่ ตั้งไทยเป็น AI ฮับ
‘ทักษิณ ชินวัตร’ ขึ้นเวทีโชว์วิสัยทัศน์โวเหมือนเดิม ‘ดิจิทัลวอลเล็ตเต็มระบบ’ มาแน่ปีนี้ พร้อมเร่งผลักดัน ‘สเตเบิลคอยน์’ เสร็จใน 3 เดือน ตั้งเป้าดึงดูดนักลงทุน-นักท่องเที่ยว ด้าน AI เตรียมใช้ช่วยแพทย์ หลัง รพ. ขาดบุคลากร แย้มฝันตั้ง ‘ดิจิทัลเอ็มบาสซี่’ กลางกรุงใน 1 ปี
ผงะ! ขุนคลัง ขอร่วมวงถก สมาคมแบงก์
“ขุนคลัง” ส่งซิกร่วมประชุมสมาคมแบงก์ หวังถกปลดล็อกปล่อยกู้ กระทุ้งหั่นดอกเบี้ย พร้อมเร่งหาข้อสรุปมาตรการ LTV ให้จบก่อนสิ้นเดือนนี้ “นักวิชาการ” หนุนหวยเกษียณ แต่แนะเพิ่มเงินรางวัล