บีโอไอ ปลื้มยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1.13 ล้านล้าน

บีโอไอ ปลื้มยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตอกย้ำไทยฐานลงทุนสำคัญ ตั้งเป้า 68 ยอดลงทุนเติบโตต่อมุ่งดึงดูดอุตฯในยุธศาสตร์ หวังเม็ดเงินทะลุ 1 ล้านล้าน อีกปี พร้อมลุยแก้ปัญหาอุปสรรคดันเงินลงทุนรวม 5 ปี 5 ล้านล.

13 ม.ค. 2568 – นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นปีทองของการลงทุนอย่างแท้จริง และเป็นโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทยในการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ที่จะนำไปสู่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยในปี 2567 คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมีจำนวน 3,137 โครงการ เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน นับว่าเป็นยอดจำนวนโครงการที่สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบีโอไอ และมีมูลค่าเงินลงทุน 1,138,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% สูงสุดในรอบ 10 ปี ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อม ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่รองรับอุตสาหกรรม ไฟฟ้าที่มีความเสถียรและมีศักยภาพด้านพลังงานสะอาด บุคลากรที่มีคุณภาพ ซัพพลายเชนที่ครบวงจร 

ขณะที่แนวโน้มการลงทุนในปี 2568 จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปี 2567 และยังเป็นปีแห่งโอกาสที่ประเทศไทยจะสามารถดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญ ได้แก่ ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้าและการกีดกันทางเทคโนโลยีที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้นักลงทุนต้องเร่งเคลื่อนย้ายฐานการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง โดยไทยมีความพร้อมและมีศักยภาพในหลาย ๆ ด้าน อีกทั้งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนานาประเทศ สามารถเป็นสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโยงซัพพลายเชนให้กับมหาอำนาจขั้วต่าง ๆ ได้ นักลงทุนจึงมองไทยเป็นแหล่งลงทุนที่มีความมั่นคงปลอดภัย และมีความโดดเด่นในภูมิภาค  

“บีโอไอตั้งเป้าว่าการลงทุนในปีใหม่นี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หรือจะมีเป้าหมายกว่า 1 ล้านล้านบาทเท่ากับปี 2567 ที่ผ่านมา แต่สิ่งสำคัญกว่าเม็ดเงินลงทุนคือคุณภาพของอุตสาหกรรมที่เข้ามา โดยในในปีที่ผ่านมามีแต่กลุ่มอุตสาหกรรมคุณภาพสูงเข้ามาลงทุน และจะทำให้เกิดการผลักดันเศรษฐกิจไปอย่างต่อเนื่องอีก 10-20 ปี ขณะที่ในปีนี้บีโอไอ จะมุ่งเน้นดึงดูดการลงทุนในกลุ่ม อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันเม็ดเงินให้ไปถึงเป้าหมายได้ ขณะที่ในระยะ 5 ปี (2566-2570) หากเราเดินหน้าปลดล็อคในสิ่งต้องทำได้ใน 6-7 เรื่องทั้งการสร้างบุคลากร ทำพลังงานสะอาด ขยายพื้นที่ สร้าง Supply Chain เร่งขยาย FTA ปฏิรูปกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค จะทำให้การลงทุนนั้นไปได้ดีกว่านี้แน่นอน และคาดว่าจะทำให้ยอดเงินลงทุนสามารถขยายได้ไปถึง 5 ล้านล้านบาท” นายนฤตม์ กล่าว

สำหรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนในปี 2568 บีโอไอจะเดินหน้าดึงการลงทุนเพื่อสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญ แบตเตอรี่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ เทคโนโลยี AI และดิจิทัลขั้นสูง และเทคโนโลยีชีวภาพ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมและบริการที่ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง อย่างเกษตรและอาหาร พลังงานสะอาด การแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยว รวมถึงกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งสำนักงานภูมิภาค ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า และศูนย์กลางจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนระหว่างประเทศ 

สำหรับการจัดโรดโชว์การลงทุนในปีนี้ บีโอไอมีแผนจัดทัพบุกประเทศเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อดึงการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งต่อยอดฐานอุตสาหกรรมสำคัญในประเทศไทยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย และขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

เพิ่มเพื่อน