สรรพากรกางยอดรีดภาษี 3 เดือนปีงบ 68 ฉลุย ลุยต้อน 'ขายออนไลน์-อินฟูลเอนเซอร์' ยื่นแบบ

‘สรรพากร’ กางยอดรีดภาษี 3 เดือนแรกปีงบ 68 ฉลุยพุ่งแตะ 4.7 แสนล้านบาท ทะลุเป้าเกือบ 4 พันล้านบาท ฟุ้งอานิสงส์บริโภคในประเทศคึกดันภาษี VAT กระฉูด พร้อมกระทุ้งมนุษย์เงินเดือนยื่นแบบภาษี ลุยต้อนขายออนไลน์-อินฟูลเอนเซอร์เข้าระบบ หลังพบธุรกิจโตแจ่ม ขู่หากตรวจพบมีรายได้มียื่นเจอโทษปรับหนัก 2 เท่า แจงอยู่

9 ม.ค. 2568 – นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยถึงภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.-ธ.ค.67) ว่า กรมฯ สามารถจัดเก็บรายได้ อยู่ที่ 4.7 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณเกือบ 4 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพิ่มขึ้น 12% เฉลี่ยเดือนละ 5 พันล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น ส่งผลให้การบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้น ทำให้คาดว่าแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ในช่วง 7 เดือนของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.67-เม.ย.68) จะเป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ในปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 2.3725 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2568 ยังมีปัจจัยที่ท้าทายอย่างหลาย โดยเฉพาะการยื่นแบบของนิติบุคคลรอบครึ่งปี ซึ่งจะเป็นการยื่นแบบตามผลประกอบการในครึ่งปีที่ผ่านมา โดยเศรษฐกิจในช่วงนั้น ยังไม่สามารถขยายตัวได้มากนัก ดังนั้น ก็อาจจะกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบธุรกิจและส่งผลต่อการชำระภาษีด้วย

ขณะที่ ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 2568 เป็นช่วงของการยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรมสรรพากรขอเชิญชวนให้ผู้มีรายได้เข้ามายื่นแบบ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรายได้ที่ไม่ใช่เงินเดือน หรือประกอบอาชีพอิสระ เช่น กลุ่มค้าขายแบบซื้อมาขายไป การค้าขายแบบออนไลน์ กลุ่มอินฟูลเอนเซอร์ เพราะหากตรวจพบว่าไม่มายื่นแบบ จะต้องเสียค่าปรับเงินเพิ่มตามกฎหมาย

“ปีนี้กรมฯ จะมุ่งเน้นขยายฐานภาษีไปยังกลุ่มธุรกิจออนไลน์ มากขึ้นเนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลในกลุ่มนี้จะส่งต่อให้ฝ่ายจัดเก็บไปให้ความรู้ ดังนั้นกรมฯ จึงขอแนะนำให้ผู้ที่มีเงินได้ ไม่ใช่แค่เงินเดือน แต่รวมถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ขาย การขายของออนไลน์ หรืออินฟูลเอนเซอร์ ยื่นแบบแสดงภาษีไว้ก่อน หากตรวจเจอภายหลังจะโดนปรับหนัก ทั้งโทษปรับ 2 เท่าของภาษี และยังมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ดังนั้นหากไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไร สามารถมาขอคำแนะนำจากกรมสรรพากรในเขตพื้นที่ได้” นายปิ่นสาย กล่าว

อย่างไรก็ดี ในปีภาษี 2566พบว่า ประชาชนยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ราว 11 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ขอคืนภาษี 4 ล้านคน ส่วนอีกเกือบ 7 ล้านคนต้องเสียเพิ่ม หรือเสียเท่าเดิม โดยคิดเป็นวงเงินในการขอคืนภาษี อยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท

สำหรับกรณีกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ที่หมดอายุภาษีเมื่อปี 2567 นั้น ยังอยู่ในการพิจารณาว่าจะต่ออายุหรือไม่ ซึ่งจะต้องมาดูว่าหากมีการต่ออายุจะต่อออกไปอีกกี่ปี จากกองทุนเดิมที่ต้องถือครองยาวไปถึง 10 ปี

เพิ่มเพื่อน