ปีใหม่เดินทางผ่านสนามบิน ทอท. พุ่ง 2.97 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.7%

‘สุริยะ’ เผยยอดผู้โดยสารเดินทางผ่านสนามบิน ทอท.ช่วงปีใหม่ กว่า2.97 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.7% สั่งเพิ่มประสิทธิภาพการรองรับผู้โดยสารให้อำนวยความสะดวกรวดเร็วขึ้นอีก ด้าน ‘กีรติ’ เร่งพัฒนาไบโอเมตริกให้คนไทยใช้ได้ทุกคน 100% ภายใน 15 ม.ค.นี้ หวังช่วยดระยะเวลา – คล่องตัว – ไร้ความแออัด

8 ม.ค.2568 – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. รายงานปริมาณการจราจรทางอากาศระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 มีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานของ ทอท. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.)กว่า 2.97 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.7%

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศกว่า 1.84 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23.8% และผู้โดยสารภายในประเทศ 1.13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.5% และมีเที่ยวบินกว่า 17,385 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 16.4% แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 9,792 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 21.7% และเที่ยวบินภายในประเทศ 7,593 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.3%

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ในช่วงเทศกาลที่มีผู้โดยสารเดินทางเป็นจำนวนมาก แต่การให้บริการของท่าอากาศยานของ ทอท.สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีภาพผู้โดยสารหนาแน่น หรือแออัดในอาคารผู้โดยสาร โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ซึ่งมีผู้โดยสารใช้บริการมากที่สุด กระบวนการผู้โดยสารทำได้ดี ซึ่งระยะเวลาการให้บริการในกระบวนการผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศในภาพรวมเฉลี่ย 22 นาทีต่อคน และกระบวนการผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศในภาพรวมเฉลี่ย 28 นาทีต่อคน

ขณะที่กระบวนการผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศในภาพรวมเฉลี่ย 12 นาทีต่อคน และกระบวนการผู้โดยสารขาออกภายในประเทศในภาพรวมเฉลี่ย 16 นาทีต่อคน ซึ่งมาจากการที่ ทอท. ได้เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ตลอดจนการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเช็กอินด้วยเครื่อง CUSS การโหลดกระเป๋าด้วยเครื่อง CUBD การตรวจลงตราหนังสือเดินทางด้วยเครื่อง Automated Border Control (ABC) หรือเครื่อง Auto Channel ตลอดจนระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หรือ Biometric ทำให้ระยะเวลาการใช้บริการของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานลดลงเหลือประมาณ 1 นาที จากเดิมประมาณ 3 นาที ดังนั้น จึงได้สั่งการให้ ทอท.ดำเนินการเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสารเพื่อให้การอำนวยความสะดวกมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้นอีก เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น

ด้าน นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา คือ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) มีผู้โดยสารมาใช้บริการ 1,429,736 คน เพิ่มขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีเที่ยวบิน 7,707 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.3% ขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสาร 758,929 คน เพิ่มขึ้น 27% และมีเที่ยวบิน 4,914 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 19.2%

สำหรับท่าอากาศยานเชียงใหม่มีผู้โดยสาร 233,769 คน เพิ่มขึ้น 19.7% และมีเที่ยวบิน 1,425 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.1% ส่วนท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายมีผู้โดยสาร 46,190 คน เพิ่มขึ้น 14.5% และมีเที่ยวบิน 318 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12% ด้านท่าอากาศยานภูเก็ตมีผู้โดยสาร 437,411 คน เพิ่มขึ้น 20.4% และมีเที่ยวบิน 2,573 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 20.5% และท่าอากาศยานหาดใหญ่มีผู้โดยสาร 66,092 คน เพิ่มขึ้น 18.2% และมีเที่ยวบิน 448 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 17.9%

นายกีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาระบบเทคโนโลยีของ ทอท.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และการบริหารจัดการท่าอากาศยานของ ทอท.ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ให้ ทอท.ดำเนินการพัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อรองรับผู้โดยสารให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ขณะนี้ ทอท.อยู่ระหว่างพัฒนาการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้การบริหารจัดการท่าอากาศยานและการให้บริการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเร่งพัฒนาระบบ Biometric ให้ประชาชนคนไทยสามารถใช้งานระบบได้ทุกคน 100% โดยภายในวันที่ 15 มกราคม 2568 ระบบ Biometric จะสามารถรองรับการใช้งานของบัตรประชาชนตลอดชีพที่ไม่ระบุวันหมดอายุบัตร และรองรับการใช้งานของประชาชนบางคนที่มีชื่อหรือนามสกุลที่สะกดด้วยอักษรภาษาอังกฤษมากกว่า 20 ตัวอักษร ให้สามารถใช้งานระบบ Biometric ได้

นายกีรติ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินได้ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติแล้วหลังจากธุรกิจการบินได้เผชิญความท้าทายภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ซึ่ง ทอท. มีความพร้อมรองรับให้บริการทุกด้านไม่ให้เกิดภาพความหนาแน่นทั้งด้าน Airside ที่ได้เพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารจากการเปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1) และด้าน Landside ที่สามารถรองรับเที่ยวบินได้มากขึ้นจากการเปิดทางวิ่งเส้นที่ 3 และ ทอท. จะเร่งพัฒนาท่าอากาศยานให้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพื่อสร้างโอกาสและการเข้าถึง พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกมิติอย่างครอบคลุมทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรมต่อไป

เพิ่มเพื่อน