กทพ.ตั้งธงปีนี้ดันประมูล 2 โครงการใหม่ วงเงิน3หมื่นล้าน

‘การทางพิเศษ’ เร่งเครื่องดันประมูล 2 โครงการใหม่ปีนี้ ตั้งเป้าทางด่วนกะทู้ – ป่าตอง เปิดบริการปี71 พ่วงทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 ช่วงถนนประเสริฐมนูกิจ – ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ เสนอเข้าครม.เปิดประมูลเม็ดเงินรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท พร้อมเปิดใช้ ‘สะพานทศมราชัน’ ภายใน 29 ม.ค.นี้

6 ม.ค. 2567 – นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ กทพ.จะเร่งผลักดัน 2 โครงการลงทุนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเปิดประกวดราคาภายในปีนี้ โดยมีวงเงินลงทุนรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 ช่วงถนนประเสริฐมนูกิจ – ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ มูลค่าลงทุน 16,960 ล้านบาท และโครงการทางพิเศษ สายกระทู้ – ป่าตอง มูลค่าลงทุน14,670 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันทั้งสองโครงการผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. และเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว ส่วนของโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 ช่วงถนนประเสริฐมนูกิจ – ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรับฟังความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม. ขณะที่โครงการทางด่วนสายกระทู้ – ป่าตอง ปัจจุบันทางสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังให้ความเห็นแล้ว ขณะที่ทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีความเห็นให้ศึกษาเกี่ยวกับปริมาณการใช้บริการเพิ่มเติม เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาของ ครม.

อย่างไรก็ดี กทพ.ยังคงรูปแบบดำเนินโครงการทางด่วนสายกะทู้ – ป่าตอง แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ – ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่ – เกาะแก้ว – กะทู้ ระยะทาง 30.62 กิโลเมตรโดยขณะนี้จะเร่งดำเนินการส่วนระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ – ป่าตองก่อน เนื่องจากโครงสร้างงานนี้จะเป็นการก่อสร้างงานอุโมงค์ จึงคาดว่าต้องใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปีแล้วเสร็จ ส่วนระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่ – เกาะแก้ว – กะทู้ จะเร่งดำเนินการภายในปี 2569 เนื่องจากคาดว่าเส้นทางนี้จะใช้เวลาก่อสร้างราว 3 ปีแล้วเสร็จ ดังนั้นโครงการทางด่วนจังหวัดภูเก็ตจะแล้วเสร็จเปิดให้บริการครบทั้งเส้นทางในปี 2571

นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้การทางฯ เสนอแผนเพื่อดำเนินโครงการทางด่วนภูเก็ตเป็น 2 ระยะ เพราะต้องเร่งก่อสร้างช่วงกะทู้ – ป่าตองก่อน ซึ่งโครงการนี้การทางฯ จะลงทุนก่อสร้างเอง และเปิดให้เอกชนมาร่วมลงทุนดำเนินงานบริหารจัดการและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) ในรูปแบบ PPP Gross Cost ภาครัฐจัดเก็บรายได้ทั้งหมดและชดเชยค่าตอบแทนให้เอกชน ดังนั้นเอกชนไม่ต้องรับความเสี่ยงสูง จึงเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากเอกชนร่วมลงทุน

สำหรับโครงการทางด่วนสายกะทู้ – ป่าตอง มีจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมกับถนนพระเมตตา ในพื้นที่ตำบลป่าตองอำเภอกะทู้ มุ่งไปทางทิศตะวันออก เป็นทางยกระดับข้ามถนนพิศิษฐ์กรณีย์จนถึงเขานาคเกิด ระยะทาง 0.9 กิโลเมตรจากนั้นจะเป็นอุโมงค์ระยะทาง 1.85 กิโลเมตร ลอดใต้เทือกเขานาคเกิด หลังจากผ่านช่วงภูเขาจึงเป็นทางยกระดับระยะทาง 1.23 กิโลเมตร จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการในพื้นที่ตำบลกะทู้ บริเวณจุดตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข4029 (ถนนพระบารมี)

โดยรูปแบบจะก่อสร้างเป็นทางยกระดับ ขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง (สำหรับรถยนต์ 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง และรถจักรยานยนต์ 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง) โดยบริเวณจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดโครงการ จะก่อสร้างเป็นทางแยกต่างระดับพร้อมติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางบริเวณด้านกะทู้ จำนวน 1 ด่าน เก็บค่าผ่านทางทั้ง 2 ทิศทาง

ก่อนหน้านี้ กทพ.คาดการณ์ปริมาณจราจร ณ ปีเปิดให้บริการ ประมาณ 71,000 คันต่อวัน (รถยนต์ 36,000 คันต่อวัน รถจักรยานยนต์ 35,000 คันต่อวัน) สำหรับทางด่วนสายนี้มีขนาด 8 ช่องจราจร (ไป-กลับฝั่งละ 4 ช่องจราจร) ให้รถยนต์วิ่ง 2 ช่อง และรถจักรยานยนต์ 2 ช่องจราจร เบื้องต้นจัดเก็บค่าผ่านทางรถจักรยานยนต์ 15 บาท ,รถ 4 ล้อ40 บาท, รถ 6-10 ล้อ 80 บาท และมากกว่า 10 ล้อ 125 บาท

นายสุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ กทพ.ยังเตรียมเปิดให้บริการโครงการใหม่ คือ สะพานทศมราชัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก โดยเบื้องต้นจะมีการเปิดให้ประชาชนใช้บริการในเดือน ม.ค.นี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นวันที่ 28 ม.ค.2568 หรือ 29 ม.ค.2568 ส่วนตลอดแนวเส้นทางของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯด้านตะวันตกในช่วงปลายปี 2568

สำหรับ “สะพานทศมราชัน” เป็นสะพานคู่ขนานแห่งแรกของประเทศไทยที่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ  และพื้นที่โดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย กทพ. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุด จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสะพานทศมราชัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความปราบปลื้มแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่าในพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้

และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและสร้างประวัติศาสตร์ก่อนการเปิดใช้สะพานทศมราชัน กทพ. จึงมีการจัดงาน“มหกรรมสุขเต็มสิบ” ระหว่าง วันที่ 10-19 ม.ค. 2568 เวลา 16.00-22.00 น. เป็นเวลา 10 วัน โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมสะพานทศมราชัน พร้อมถ่ายภาพและเลือกชมสินค้า OTOP จากชุมชน ภายในงานได้รวมร้านค้าจากชุมชนและพันธมิตรกว่า 50 ร้านค้า

ทั้งนี้ กทพ. ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน กิจกรรมเดิน-วิ่งสร้างประวัติศาสตร์ ในวันอาทิตย์ที่ 26 ม.ค. 2568 บนสะพานทศมราชัน นับเป็นการจัดงานครั้งยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าสะพานแห่งนี้จะไม่เพียงเป็นโครงสร้างสำคัญ แต่ยังกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของประเทศไทยอีกด้วย

สำหรับการเปิดใช้สะพานทศมราชัน ประชาชนสามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้ดังนี้ ทิศทางขาเข้ากรุงเทพฯ สามารถใช้ทางขึ้นบริเวณด่านฯ สุขสวัสดิ์ ถนนสุขสวัสดิ์ เพื่อใช้งานสะพาน โดยสามารถวิ่งเข้าสู่ทางพิเศษเฉลิมมหานคร มุ่งหน้าบางนา – ดินแดง และทางพิเศษศรีรัช มุ่งหน้าแจ้งวัฒนะ – ถนนพระราม 9 บริเวณทางแยกต่างระดับบางโคล่าและ ทิศทางขาออกกรุงเทพฯ สามารถใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช ผ่านจุดเชื่อมต่อเข้ามาที่สะพานฯ บริเวณทางแยกต่างระดับบางโคล่ และลงที่ทางลง บริเวณด่านฯ สุขสวัสดิ์ ไปเพื่อถนนพระรามที่ 2 ได้

เพิ่มเพื่อน