ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) เปิดตัวกิจกรรม “เพาะรักษ์น้ำ” ฟื้นป่าคืนชีวิต ปีที่ 1 โดยประสานความร่วมมือระหว่างพนักงานจิตอาสาของบริษัทฯ และภาครัฐกับชุมชนท้องถิ่น รวมกว่า 100 คน เพื่อลงพื้นที่ทำกิจกรรมฟื้นฟูป่าชุมชน ตลอดจนมอบองค์ความรู้เกี่ยวกับบทบาทของภาคเอกชนในการทำงานร่วมกับภาครัฐและชุมชนท้องถิ่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อม ความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้และความเชื่อมโยงกับแหล่งน้ำ รวมถึงวิถีการดูแลป่าผ่านการเกษตรแบบยั่งยืน ให้กับสมาชิกป่าชุมชนบ้านขุนชํานาญ อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี
17 ธ.ค. 2567 – นางมธุวลี สถิตยุทธการ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจและองค์กรสัมพันธ์ ประเทศไทยและอินโชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหารเสริมสุขภาพที่มุ่งยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้คนไทยทุกคน บริษัทได้ทุ่มเทให้กับการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยด้วยโครงการส่งเสริมด้านการศึกษา และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน ทั้งนี้ กิจกรรม “เพาะรักษ์น้ำ” ฟื้นป่าคืนชีวิต ประจำปี 2567 เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของบริษัทฯ ที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและระบบนิเวศ ผ่านการดูแลรักษาป่าชุมชน แหล่งกำเนิดของทรัพยากรน้ำ ด้วยการมอบองค์ความรู้ที่สร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้ การเกษตรแบบยั่งยืน ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างแหล่งน้ำและป่าที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงสร้างจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการปกป้องสิ่งแวดล้อมให้กับเหล่าพนักงาน เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมด้านความยั่งยืนขององค์กร โดยนำร่องที่จังหวัดชลบุรี เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโรงงานทั้ง 3 แห่ง
สำหรับในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้จัดทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรและชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการระดมความร่วมมือจากพนักงานจิตอาสาที่มีจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม “Bring and Buy” ภายใต้โครงการ “One Suntory Helping Hands” ที่ระดมเงินทุนจากพนักงาน เพื่อนำไปสนับสนุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของโรงเรียนที่ขาดแคลน รวมถึงโครงการ “BRAND’S Young Blood” ที่ร่วมมือกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในหมู่เยาวชน และส่งเสริมการบริจาคโลหิตอย่างยั่งยืน เป็นต้น
ทั้งนี้ กิจกรรม “เพาะรักษ์น้ำ” แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ 1. รับฟังการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความสำคัญของการอยู่ร่วมกับป่าและแนวทางการดูแลป่า 2. กิจกรรมอาสาที่ลงมือปฏิบัติจริงเพื่อเพิ่มโอกาสให้ป่าฟื้นฟู เช่น “กำจัดวัชพืช” เพิ่มช่องแสงให้กับต้นไม้ ส่งเสริมการเจริญเติบโตของป่า, “เพาะกล้าไม้” เพื่อใช้ปลูกในฤดูกาลที่เหมาะสม, “วางฟางคลุมดิน” เพื่อรักษาความชื้นของดินและควบคุมวัชพืช รวมถึงการมอบโรงเพาะชำ เพื่อให้ชุมชนสามารถเพาะกล้าไม้และปลูกป่าเพิ่มในระยะยาว
ว่าที่ ร.ต. พุฒิสิทธิ์ โชติสิริวโรทัย ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง อ. บ่อทอง ในฐานะตัวแทนพื้นที่และชาวชลบุรี กล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ภาคเอกชนอย่างบริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด เล็งเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นการวางรากฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของทั้งชุมชนและจังหวัดของเรา เนื่องจากจังหวัดชลบุรีมีความหลากหลายของอุตสาหกรรม ทั้งการผลิต การท่องเที่ยว และเขตเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ รวมถึงมีพื้นที่ด้านการเกษตรและพื้นที่ป่าสงวนหลายแห่ง เราจึงเห็นได้ว่า การปกป้องสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ไม่ได้เป็นเพียงพื้นฐานสำหรับภาคเกษตรกรรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เป็นเสาหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดด้วย
น.ส. ชมภูนุช ชะนวน ผู้ใหญ่บ้านขุนชำนาญ กล่าวว รู้สึกภูมิใจที่พื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยให้สมาชิกในชุมชนได้รับองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนมีจิตสำนึกที่จะดูแลสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตนเอง กิจกรรมในวันนี้เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกในชุมชนเป็นอย่างมาก เพราะพื้นที่ของเราส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตรซึ่งพึ่งพาน้ำฝน ป่าที่สมบูรณ์ส่งผลต่อปริมาณน้ำฝนและสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการเกษตร ทั้งนี้ นอกเหนือจากการส่งเสริมให้สมาชิกชุมชนพึ่งพาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรภายในป่าอย่างยั่งยืนแล้ว เรายังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเยาวชน ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต่อไปในอนาคตอีกด้วย
นอกเหนือจากสมาชิกคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านขุนชำนาญ กิจกรรมดังกล่าวยังได้สร้างการมีส่วนร่วมของครูและนักเรียนจากโรงเรียนบ้านขุนชำนาญ เพื่อสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือและสร้างจิตสำนึกในวงกว้าง รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการรักษาป่าอย่างยั่งยืน
น.ส. ศริณญา พิเศษฤทธิ์ คุณครูโรงเรียนบ้านขุนชำนาญได้แบ่งปันประสบการณ์ถึงการมาเข้าร่วมกิจกรรม “เพาะรักษ์น้ำ” ว่า “ประทับใจในความสร้างสรรค์ของกิจกรรมที่ช่วยสร้างจิตสำนึกให้กับเหล่านักเรียน กิจกรรมที่ได้ลงมือทำในวันนี้ ทั้งการกำจัดวัชพืชและการเพาะกล้าไม้นั้นช่วยสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศในป่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของสมาชิกในชุมชน จากการพึ่งพิงป่าในฐานะแหล่งอาหารและแหล่งวัตถุดิบเพื่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ