ฟุ้งแผงPCBพร้อมผลิตในไทย BOI โวดันจ้างงาน 1,500 คน ลงทุนสะสมสุดปัง

บีโอไอ ชูโรงงานผลิตแผง PCB ยักษ์ พร้อมเดินสายการผลิตทันที พร้อมขยายการจ้างงานถึงกว่า 1,500 คน เผยยอดส่งเสริมช่วงปี 66 – 67 รวมกว่า 100 โครงการ มูลค่ากว่า 170,000 ล้านบาท

17 ธ.ค. 2567 – นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังจากการเข้าร่วมพิธีเปิดโรงงานผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ของบริษัท คอมเปค (ประเทศไทย) จำกัด ที่นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย (สุวรรณภูมิ) จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 ว่า บริษัท คอมเปค (Compeq) เป็นผู้ผลิต PCB อันดับ 5 ของโลกจากไต้หวัน ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอเมื่อเดือนธ.ค. 2566 และได้ก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่บนพื้นที่ 112 ไร่ ด้วยเงินลงทุนในเฟสแรก 10,417 ล้านบาท โดยได้ก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จในเวลาเพียงประมาณ 1 ปี และจะเริ่มเดินเครื่องผลิตในประเทศไทยตั้งแต่เดือนธ.ค. 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ โรงงานของบริษัท คอมเปค (ประเทศไทย) มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ชนิด Multilayer Printed Circuit Board  ซึ่งสร้างวงจรอิเล็กทรอนิกส์ได้สูงสุดถึง 34 ชั้นในแผงวงจรเดียว ทำให้สามารถสร้างระบบที่มีความซับซ้อนและเสถียรภาพ (Reliability) สูง สำหรับใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงหรือมีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก เช่น ระบบสื่อสารและดาวเทียม รถยนต์ไฟฟ้า ดาต้าเซ็นเตอร์ สมาร์ทโฟน เครื่องมือแพทย์ และ Power Supply เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการผลิตเพื่อส่งออกถึงกว่า 90% คิดเป็นมูลค่าส่งออกกว่า 6,600 ล้านบาทต่อปี โดยโครงการลงทุนในเฟสแรกนี้จะมีการจ้างงานบุคลากรไทยทันทีประมาณ 600 คน และจะขยายการจ้างงานถึงกว่า 1,500 คนในปีหน้า

“การที่บริษัท คอมเปค ซึ่งเป็นผู้ผลิต PCB อันดับต้น ๆ ของโลก ตัดสินใจลงทุนในประเทศไทย โดยเป็นการตั้งโรงงานนอกไต้หวันและจีนเป็นครั้งแรก และเริ่มการผลิตอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพและความพร้อมของไทยในการเป็นฐานผลิต PCB ที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ และบุคลากรที่มีคุณภาพในการรองรับกระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง” นายนฤตม์ กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 66 – พ.ย. 67) มีผู้ผลิตในอุตสาหกรรม PCB ระดับโลกได้เข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยมีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 107 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมกว่า 173,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และญี่ปุ่น

เพิ่มเพื่อน