รฟท.ลงนาม ‘ช.ทวี – เอเอส’ สร้างทางคู่ขอนแก่น – หนองคาย วงเงิน 2.86 หมื่นล้าน เร่งตอกเสาเข็ม เม.ย.68 เปิดใช้ปี 71 เร่งเฟส 2 อีก 6 เส้นทางในปีหน้า ลุยประมูล2 เส้นทางแรก ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย และชุมทางถนนจิระ – อุบลราชธานี
12 ธ.ค. 2567 – นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท) เปิดเผยภายหลังลงนามสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย กับ กิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง มูลค่าโครงการ 28,679 ล้านบาท ว่า รฟท.ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ในการพัฒนาระบบรถไฟรางคู่ ระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งทางราง สนับสนุนการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า สอดคล้องตามนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการลดต้นทุนการขนส่งสินค้า
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการลงนามสัญญาครั้งนี้ รฟท.จะเร่งประสานสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพื่อดำเนินการจัดหาแหล่งเงินกู้นำมาดำเนินโครงการนี้ เบื้องต้นประเมินว่าจะสามารถลงนามสัญญาเงินกู้ได้ในช่วงปลายเดือน ก.พ.2568 หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมเอกสารอนุญาตให้เอกชนเข้าพื้นที่ (NTP) จึงคาดว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่และให้เอกชนเริ่มงานก่อสร้างได้ในเดือน เม.ย.2568 โดยใช้เวลาก่อสร้างราว 3 ปี แล้วเสร็จเปิดบริการในปี 2571
สำหรับรูปแบบโครงการเป็นงานก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทาง ขนานไปกับทางรถไฟเดิม และมีการก่อสร้างปรับแนวเส้นทางใหม่บางส่วน รวมระยะทางประมาณ 167 กิโลเมตร(กม) ประกอบด้วย อาคารสถานี 14 สถานี ที่หยุดรถ 4 แห่ง ลานบรรทุกสินค้า 3 แห่ง พร้อมทั้งงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ และโทรคมนาคมตลอดทั้งสายทาง
นายวีริศ กล่าวว่า หลังจากนี้ รฟท.จะเร่งเปิดประกวดราคาก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ให้ครบ 7 เส้นทาง วงเงินลงทุนรวมกว่า 2.8 แสนล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบราง ขยายโครงข่ายเส้นทางรถไฟทางคู่เพิ่มเติมอีก 1,488 กิโลเมตร โดยคาดว่าในเดือน ม.ค.2568 จะเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบดำเนินการประกวดราคารถไฟทางคู่ทั้ง 6 เส้นทาง หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมเอกสารประกวดราคา (TOR)
สำหรับแผนดำเนินงานสำหรับรถไฟทางคู่อีก 6 เส้นทาง รฟท.ประเมินเบื้องต้นว่าหลังจากเสนอ ครม.พิจารณาเห็นชอบในเดือน ม.ค.2568 จากนั้น รฟท.จะเตรียมเอกสารประกวดราคา โดยใช้เวลาราว 3 เดือน เบื้องต้นจึงจะได้เห็นการประกวดราคารถไฟทางคู่เส้นทางที่เหลือในเดือน เม.ย.2568 เป็นต้นไป โดยจะทยอยเปิดประมูลทีละ 2 โครงการ หลังจากนั้นจะเว้นช่วงดำเนินการเตรียมเอกสารอีก 2 เดือน เพื่อเปิดประมูลครั้งต่อไป
นายวีริศ กล่าวว่า โครงการรถไฟทางคู่ที่คาดว่าจะนำมาเปิดประมูลหลังจากนี้ จะแบ่งเป็นช่วงแรก คือ รถไฟทางคู่สายปากน้ำโพ – เด่นชัย ระยะทาง 281 กม. วงเงิน 81,143 ล้านบาท และช่วงชุมทางถนนจิระ – อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 44,103 ล้านบาท ช่วงที่ 2 คือ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม.วงเงิน 30,422 ล้านบาท ช่วงสุราษฎร์ธานี – หาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270 ล้านบาท ช่วงหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม.วงเงิน 7,900 ล้านบาท และส่วนสุดท้าย คือ โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม.วงเงิน 68,222 ล้านบาท เนื่องจากโครงการนี้ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)
อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ เร่งก่อสร้างเส้นทางรถไฟ ทั้งโครงข่ายรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ทางคู่ระยะเร่งด่วน ทางคู่สายใหม่ ตลอดจนโครงการรถไฟความเร็วสูงให้แล้วเสร็จตามแผนงาน เพื่อให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อยกระดับประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรางในภูมิภาคอาเซียนต่อไป