กลุ่มปฏิรูปพลังงานฝากนายกฯ จี้แก้ไขปรับปรุงร่าง PDP2024 เตือนตัวเลขพยากรณ์ใช้ไฟฟ้าสูงเกินไป ระวังค่าไฟจะแพงขึ้น พร้อมแนะจัดเก็บภาษีคาร์บอน และให้ผู้ผลิตไฟฟ้าสามารถขายไฟฟ้าตรงให้แก่ผู้ใช้
5 ธ.ค. 2567 – นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ แกนนำกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน(ERS) เปิดเผยว่ากลุ่มแกนนำได้แจง 3 เหตุผลหลักควรมีการแก้ไขปรับปรุงร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP2024) ได้แก่ 1. คาดการณ์ความต้องการไฟฟ้าของไทยใน 14 ปีข้างหน้าสูงเกินไป อันจะนำไปสู่การเพิ่มกำลังผลิตและสร้างโรงไฟฟ้าใหม่มากเกินความจำเป็น เพราะทำให้เกิดการวางแผนลงทุนสร้างกำลังผลิตใหม่ที่ไม่มีความคุ้มค่า และเป็นต้นทุนแฝงที่จะเป็นภาระต่อผู้บริโภคภายใต้ระบบการกำหนดค่าไฟฟ้า ทำให้ค่าไฟแพงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันที่ต้นทุนทั้งหมดจะถูกนำไปคำนวณรวมผ่านไปสู่ผู้บริโภค
2. ควรส่งเสริมไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีความเสถียร (Renewables with Reliability) อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อช่วยทดแทนพลังงานจากฟอสซิลและช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก ภาคพลังงาน แต่ทั้งนี้ราคาขายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนดังกล่าวควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม ควรกำหนดให้โครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังลมต้องพ่วงการติดตั้งแบตเตอรี่หรือระบบจัดเก็บพลังงานเพราะต้นทุนได้ลดลงมากและยังมีแนวโน้มลดลงอีก ควรใช้ระบบการประมูลด้านราคาไฟฟ้าเสนอขายเป็นปัจจัยหลักในการคัดเลือกโครงการพลังงานหมุนเวียนใหม่
อีกทั้งนำระบบจัดเก็บภาษีคาร์บอนและระบบการซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Trading System: ETS) มาใช้ในภาคผลิตไฟฟ้าโดยเร็ว เพื่อการพิจารณาที่รอบด้าน ไม่ให้เกิดการลงทุนที่เสียเปล่า (Stranded Assets) ซึ่งจะเป็นภาระต่อผู้บริโภคในระบบที่เป็นอยู่ เพราะในปัจจุบันคิดแต่ต้นทุนทางการเงินเท่านั้น (ดูประเด็นเพิ่มเติมในแถลงการณ์)
และ 3. การปรับปรุงโครงสร้างกิจการไฟฟ้าในประเทศให้มีการแข่งขันเสรี ให้ผู้ผลิตไฟฟ้าสามารถขายไฟฟ้าตรงให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยใช้บริการสายส่งและสายจำหน่ายของการไฟฟ้า (Third Party Access: TPA) โดยมีการคิดค่าบริการผ่านสายส่ง/จำหน่าย (Wheeling Charges) ที่เป็นธรรม ซึ่งในภาวะที่กำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ในระดับสูงเช่นปัจจุบัน ค่าไฟฟ้าควรที่จะลดลงตามกลไกของอุปทานอุปสงค์หากกิจการไฟฟ้ามีการแข่งขันที่เสรี ทั้งนี้จะต้องแยกระบบสายส่งไฟฟ้าและศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า (System Operator) ให้เป็นอิสระจากการผลิตไฟฟ้า และมีกลไกในการสร้างความสมดุลในระบบไฟฟ้า
โดยกำลังผลิตใหม่ไม่ควรเป็นลักษณะของสัญญาซื้อขายระยะยาว (PPA) เช่นในปัจจุบัน ในระบบเสรีจะไม่มีการประมูลและคัดเลือกกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ ทั้งเอกชนและ กฟผ. หรือรัฐวิสาหกิจสามารถจะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าได้อย่างอิสระ แต่ความเสี่ยงทั้งหมดจะอยู่ที่ผู้ผลิตไฟฟ้า แผน PDP2024 ควรเริ่มเตรียมการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบแข่งขันเสรีได้แล้ว อาทิ มีการประมูลราคาก่อนทำสัญญาซื้อขาย สัญญาใหม่ต้องมีเงื่อนไขให้สามารถเปลี่ยนรูปแบบให้สอดคล้องกับระบบเสรีได้ เป็นต้น อนึ่ง โครงการยักษ์อย่างเช่น Digital Hub จะต้องสามารถเลือกทำสัญญาซื้อไฟฟ้าจากการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านระบบสายส่งได้ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บินไทย' จ่อยุบไทยสมายล์ปักธงได้ข้อสรุปภายในเดือนพ.ค.นี้
“การบินไทย” เปิดแผนประกอบการ ปี 65 กำไรสุทธิกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ขาดทุนน้อยลงเหลือ 272 ล้านเดินหน้าควบรวมกิจการกับไทยสมายล์ สรุปภายใน 2 เดือน หวังลดต้นทุน ย้ำออกจากแผนฟื้นฟูต้นปี 67
‘บินไทย’ ยื่นศาลขอแก้ไขแผนฟื้นฟูลุยเพิ่มทุนจดทะเบียน 3.15 หมื่นล้านหุ้น
‘การบินไทย’ยื่นขอแก้ไขแผนฟื้นฟูฯ ลุยจัดหาสินเชื่อใหม่ 2.5 หมื่นล้าน เดินหน้าเพิ่มทุนจดทะเบียน 3.15 หมื่นล้านหุ้น พ่วงแปลงหนี้เป็นทุน เผยช่วยมีเงินทุนรวม 8 หมื่นล้าน คาดปรับโครงสร้างทุนแล้วเสร็จในปี 67 หวนกลับซื้อให้ในตลาดหลักทรัพย์ได้ปี 68 พร้อมระบุโควิดคลี่คลาย-เปิดประเทศ ดันผู้โดยสาร-รายได้โตต่อเนื่อง
'บินไทย’โชว์แผนฟื้นฟูกิจการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย 4.4 หมื่นล้าน
“การบินไทย” อัปเดตความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการฯ ลุย 400 โครงการ ช่วยลดต้นทุน 4.48 หมื่นล้าน/ปี จ่อขายเครื่องบิน 42 ลำ ฟันรายได้ 8 พันล้าน เดินหน้ากู้สินเชื่อใหม่จากเอกชน 2.5 หมื่นล้าน เสริมแกร่งองค์กร คาดปีหน้าขาดทุนลดลง พร้อมกลับมากำไรในปี 66