สรท. เผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนตุลาคม 2567 กับเดือนเดียวกันของปีก่อน พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 27,222.1 ขยายตัว 14.6% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 896,735 ล้านบาท ขยายตัว 5.8% ปรับคาดการณ์การส่งออกปี 2567 เติบโต 4% และประมาณการณ์ปี 2568 เติบโต 1-3%
3 ธ.ค. 2567 – นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนตุลาคม 2567 กับเดือนเดียวกันของปีก่อน พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 27,222.1 ขยายตัว 14.6% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 896,735 ล้านบาท ขยายตัว 5.8% เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในเดือนตุลาคมขยายตัว 10.7% ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 28,016.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 15.9% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 934,700 ล้านบาท ขยายตัว 7.1% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนตุลาคม 2567 ขาดดุลเท่ากับ 794.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขาดดุลในรูปของเงินบาท 37,965 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคม – ตุลาคม ของปี 2567 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 250,398.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4.9% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 8,854,630 ล้านบาท ขยาย 8.3% เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงมกราคม – ตุลาคม ขยายตัว 4.8% ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 257,149.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 6.6% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 9,199,289 ล้านบาท ขยายตัว 9.9% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 ขาดดุลเท่ากับ 6,751.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นการขาดดุลในรูปเงินบาท 344,659 ล้านบาท
ทั้งนี้ สรท. ปรับคาดการณ์การส่งออกปี 2567 เติบโต 4% และประมาณการณ์ปี 2568 เติบโต 1-3% โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง ได้แก่
1. ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
1.1. ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าและนโยบายอื่นของสหรัฐอเมริกากับประเทศคู่ค้าที่เกินดุลการค้า 1.2. สถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง และ รัสเซีย-ยูเครน ยังคงยืดเยื้อ
2. Manufacturing PMI ยังคงชะลอตัวในตลาดสำคัญ แม้จะมีอุปสงค์ระยะสั้นในการนำเข้าในช่วงเทศกาลสำคัญ และวัฎจักรขาขึ้นของกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
3. ค่าเงินบาทยังคงมีความผันผวน จากความไม่แน่นอนของทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ จากปัจจัยเงินเฟ้อและนโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
4. สถานการณ์ค่าระวางขนส่งสินค้าทางทะเลปรับลดลงในเส้นทางสำคัญ แต่ยังมีความผันผวนจาก
4.1. การปรับขึ้นค่าใช้จ่าย อาทิ ค่า GRI (General Rate Increase)
4.2. การเจรจาปรับขึ้นค่าแรงในฝั่งตะวันออกของสหรัฐที่ยังไม่ยุติ
5. มาตรการทางการค้าที่เฝ้าระวัง อาทิ
5.1 การกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย กระทบต่อผู้ส่งออกข้าวไทย
5.2 สหภาพยุโรปเลื่อนการบังคับใช้ EUDR ออกไปเป็นปี 2569 กระทบราคาส่งมอบต่อผู้ส่งออกยางพารา
ทั้งนี้ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ดังนี้ 1. เร่งลดต้นทุนการทำธุรกิจให้กับผู้ส่งออก อาทิ ต้นทุนการประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และต้นทุนการประกันความเสี่ยงการชำระเงินค่าสินค้า 2. เพิ่มงบประมาณและจำนวนความถี่ในการจัดส่งเสริมกิจกรรมการค้าทั้งในกลุ่มประเทศคู่ค้าหลักและตลาดลำดับรอง และ 3. เร่งรัดการเจรจาการค้าเสรีในกรอบที่มีอยู่เดิม และเพิ่มการเจรจาในตลาดศักยภาพใหม่