กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.10-34.80 ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.10-34.80 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.61 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.48-34.86 บาท/ดอลลาร์

25 พ.ย. 2567 – โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินยูโรร่วงลงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของยูโรโซนปรับตัวย่ำแย่สวนทางกับฝั่งสหรัฐฯ ทางด้านเงินเยนและฟรังก์สวิสซึ่งถือเป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ หลังรัฐบาลรัสเซียประกาศลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม รมว.ต่างประเทศรัสเซียระบุในเวลาถัดมาว่ารัสเซียจะทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ ยูเครนได้ใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯโจมตีดินแดนรัสเซียเป็นครั้งแรก ขณะที่สงครามดำเนินมายาวนานกว่า 1 พันวันแล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,025 ล้านบาท แต่มียอดขายพันธบัตรสุทธิ 1,962 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.10-34.80 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงตอบรับเชิงบวกต่อการเลือกรมว.คลังสหรัฐฯของทรัมป์ นักลงทุนจะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE พื้นฐานเดือนต.ค.ของสหรัฐฯซึ่งคาดว่าอาจเร่งตัวขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน นอกจากนี้ การเปิดเผยรายงานการประชุมรอบล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)อาจสะท้อนแนวคิดเบื้องต้นของเฟดเกี่ยวกับผลกระทบเชิงนโยบายที่อาจเกิดขึ้นจากผลการเลือกตั้งปธน. อนึ่ง เราประเมินว่าทิศทางการเติบโตที่อ่อนแอของเศรษฐกิจนอกสหรัฐฯซึ่งกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ที่แตกต่างกันต่อเส้นทางนโยบายระหว่างเฟดและธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี), ความเสี่ยงด้านการคลังของฝรั่งเศส รวมถึงความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้นในระยะสั้นก่อนที่อาจจะคลายตัวลงเมื่อทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในช่วงต้นปี 68 อาจช่วยจำกัดแรงขายเงินดอลลาร์ก่อนที่ธุรกรรมจะเบาบางลงในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าปลายสัปดาห์นี้

สำหรับปัจจัยในประเทศ ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนต.ค. ขณะที่จีดีพีไตรมาส 3/67 ออกมาดีเกินคาด โดยขยายตัว 3.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ท่ามกลางแรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น การท่องเที่ยวและการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่อง สภาพัฒน์คาดว่าเศรษฐกิจปี 67 จะเติบโต 2.6% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดส่งออกเป็นขยายตัว 3.8% ขณะที่ในปี 68 ความเสี่ยงต่างๆ จะมีมากขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เอวา ลองโกเรีย’ หันหลังให้กับสหรัฐฯ หลังชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์

ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เอวา ลองโกเรีย สนับสนุนกมลา แฮร์ริสอย่างเสียงดังฟังชัด กระทั่งหลังการเลือกตั้งซึ่งโดนัลด์

'นายกฯอิ๊งค์' ยกไอแพดคุย 'ทรัมป์' แสดงความยินดีชนะเลือกตั้ง ยันไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิ