‘คลัง’ ยันเอาแน่เก็บภาษีบุหรี่อัตราเดียว โยนสรรพสามิตเร่งศึกษา หวังแก้ปมบุหรี่เถื่อนทะลัก – ลดบิดเบือนกลไกตลาด ประเมินช่วยหนุนจัดเก็บรายได้ขยับ 5%
19 พ.ย. 2567 -นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กรมสรรพสามิตไปเร่งพิจารณาเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสีย ผลกระทบกับเกษตรกรผู้ปลูกใบยา และผลกระทบต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การจัดเก็บภาษีบุหรี่แบบอัตราเดียว (Singler Rate) ซึ่งขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างเร่งพิจารณารายละเอียดทั้งหมด โดยเบื้องต้นอยากให้ได้ข้อสรุปเร็วที่สุด แต่คาดว่าน่าจะไม่ทันปลายปีนี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจะพบปัญหาจากการจัดเก็บภาษีบุหรี่แบบหลายอัตรา ซึ่งทำให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาด เกิดช่องว่างของราคาขายปลีก จากอัตราภาษีที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีปัญหาเรื่องราคาขายปลีกบุหรี่หลบไปอยู่ในอัตราภาษีที่ต่ำกว่า ซึ่งมองว่าไม่เป็นผลดีกับอุตสาหกรรม
“ภาษีบุหรี่แบบอัตราเดียว มีข้อดีคือไม่บิดเบือนกลไกตลาด และสะท้อนเรื่องการจัดเก็บภาษีให้เป็นปกติมากขึ้น ขณะที่การใช้อัตราภาษีบุหรี่แบบหลายอัตรานั้น จะเกิดปัญหาเรื่องการกองของราคาขายปลีก เช่น เมื่อกำหนดอัตราภาษีที่ 60 บาท ราคาก็จะไปกองที่ 60 บาทหมด หรือเมื่อขยับภาษีเป็น 72 บาท ราคาก็จะขยับมากองที่ 72 บาท ส่วนราคาบุหรี่ตั้งแต่ 72-95 บาทก็จะหายไปหมด นี่เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด แต่ภาษีบุหรี่แบบหลายอัตราก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียอย่างเดียว ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของกรมสรรพสามิตที่ต้องไปเร่งพิจารณา” นายเผ่าภูมิ กล่าว
ทั้งนี้ เบื้องต้นมีการประเมินว่าหากมีการจัดเก็บภาษีบุหรี่แบบอัตราเดียว น่าจะมีส่วนช่วยให้การจัดเก็บภาษีบุหรี่ของกรมสรรพสามิตเพิ่มขึ้นได้ราว 5% แต่ยืนยันว่าเรื่องรายได้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะจุดประสงค์หลักของภาษีสรรพสามิ คือ การสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ การสร้างความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำ และทำให้ประชาชนได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ตรงนี้สำคัญกว่า ส่วนเรื่องตัวเลขรายได้นั้นไม่ได้เป็นประเด็นเท่าไหร่ และประเด็นสำคัญที่น่ากังวลของการพิจารณาเรื่องนี้มากกว่ารายได้ คือ “บุหรี่เถื่อน”
รมช.การคลัง ยังกล่าวถึงกรณีเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ว่า เรื่องนี้ต้องคุยในภาพใหญ่ เพราะเกี่ยวข้องกับหลายส่วน หลายกระทรวง แต่ในภาพที่เกี่ยวข้องกับกรมสรรพสามิตขณะนี้ คงพูดได้อย่างชัดเจนว่า บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ได้อยู่ในพิกัดภาษีที่กรมฯ จะสามารถจัดเก็บรายได้ได้