ภาคเอกชนยัน ‘หนี้ครัวเรือน’ รั้งเศรษฐกิจไม่โต หวังช่วงสิ้นปีมีมาตรการกระตุกบรรยากาศคึกคัก พร้อมเร่งแก้ไขสินค้าทุ่มตลาดลดผลกระทบภาคผลิต ชี้การท่องเที่ยวยังกระตุ้น ชงรัฐเร่งหารือหยุดยึดรถกระบะเป็นนโยบาย
30 ต.ค. 2567 – นายผยง ศรีวณิช ประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยในงานมอบรางวัลสุดยอดซีอีโอ ในงานสัมมนาเศรษฐกิจไทยประจำปี 2567 “Thailand 2025 : Opportunities, Challenges and the Future” ที่จัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ว่า ระหว่างปัจจุบันนี้จนถึงสิ้นปี คาดว่าจะมีนโนบายของรัฐบาลเข้ามาสนับสนุนให้บรรยากาศเศรษฐกิจในประเทศคึกคักขึ้น รวมถึงมาตรการทางการคลัง และ ข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่นำเสนอต่อนายกก่อนหน้านี้ออกมา ซึ่งไม่อยากจะใช้คำว่าเป็นการกระตุ้นแต่เป็นการกระตุกให้เกิด ทิศทางและแนวโน้มของเศรษฐกิจที่เติบโตมากขึ้น เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหา ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ว่าจะมีมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว แต่สิ่งที่หลีกไม่ได้คือเรื่องหนี้ครัวเรือน เพราะเป็นปัญหาที่ครอบคลุมประชากร และแรงงานในวงกว้าง
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในปีนี้ ถือว่าภาคการส่งออกมีตัวเลขดีเกินคาดในช่วง 9 เดือนโต 3.9% ซึ่งต้องมาลุ้นว่าช่วงสิ้นปีจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องหรือไม่ แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เหนี่ยวรั้งให้เศรษฐกิจไทยไม่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ก็คือหนี้ภาคครัวเรือน แม้จะมีแนวโน้มที่ลดลงแล้ว จากระดับ 91% จนมาเหลือระดับ 89.6% แต่เมื่อไปดูไส้ในจริงๆ จะพบว่าไม่ได้ลดลงจากกิจกรรม ภาคครัวเรือนเท่าไหร่ แต่เป็นในส่วนของการลดวงเงิน และการปล่อยกู้จากสถาบันการเงินต่าง ๆ จึงยังไม่สามารถ การันตีได้ว่าจะมีสถานการณ์ที่ดีนัก
“ตอนนี้เรายังกังวลเรื่องดัชนี GDP ของประเทศ ที่ลดต่อเนื่องมา 6 ไตรมาส ตั้งแต่ช่วงท้ายปี 65 จนถึงต้นปี 67 แม้ Q2/67 จะเป็นบวก แต่ก๋บวกต่ำมาก เพียง 0.2% ขณะที่ดัชนี MPI ก็ยังติดลบ ซึ่งเป็นเรื่องของขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยประเทศไทจะต้องให้ความสำคัญกับปัญหาของสินค้าที่ทุ่มตลาดเข้ามา ซึ่งล่าสุดตัวเลขการนำเข้าของจีนก็ยังสูงขึ้น เพิ่มไปกว่า 20% ซึ่งในส่วนนี้จะกระทบกับภาคผลิตแน่นอน เห็นได้จากในปี 66 ส.อ.ท. ได้ประกาศได้รับผลกระทบของภาคผลิตเกิดขึ้นใน 22 กลุ่มอุตสาหกรรม ตอนนี้เพิ่มเป็น 25 กลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องรีบแก้ไข”นายเกรียงไกร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้เองต้องยอมรับว่าภาคการท่องเที่ยวดีขึ้น ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศได้ โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามาที่ประเทศไทย 36-37 ล้านคน ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนได้ 1.7-1.8 ล้านล้านบาท ขณะที่การท่องเที่ยวสำหรับคนไทยเอง แม้จะมีปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงสถานการณ์น้ำท่วม อาจจะไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 3 ล้านล้านบาท แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะยังมั่นใจว่าจะดีขึ้นและต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ที่จะสามารถผลักดันให้การท่องเที่ยวมียอดกลับมาเท่ากับช่วงก่อนโควิด ขณะเดียวกัน ยอดการลงทุนจากต่างประเทศ(FDI) ก็ถือว่าทะลุเป้า จากการประกาศของ BOI ซึ่งเชื่อว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องส่งผลทั้งปลายปีนี้ จนไปถึงต้นปีหน้าต่อไป
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องที่จะช่วยกลุ่มเปราะบางให้เร็วและง่ายที่สุด โดย กกร. ได้มีการเสนอนายกรัฐมนตรีไปแล้วก่อนหน้านี้ และได้รับคำยืนยันว่าจะมีการนำเข้าหารือในคณะรัฐมนตรี(ครม.) อย่างเร่งด่วนคือ การหยุดให้มีการยึดรถกระบะ เนื่องจากปัจจุบันทุกเดือนมีรถกระบถูกยึดไปจำนวนมาก แต่ต้องยอมรับว้ารถกระบะเป็นหนึ่งในเครื่องมือหากินของประชาชนคนต้องการนำไปประกอบอาชีพการค้า