ทอท.กางแผนเปิดประกาศทีโออาร์หาเอกชนเข้าให้บริการภาคพื้นดิน รายที่ 3-คลังสินค้า สนามบินสุวรรณภูมิ มั่นใจได้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการภายในกลางปี 68 พร้อมเปิดกว้างเอกชนต่างชาติเข้าร่วม
30 ต.ค. 2567 -นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)(ทอท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเปิดประมูลผู้เข้ามาให้บริการภาคพื้นดิน สนามบินสุวรรณภูมิรายที่ 3 ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการรอพิจารณาอนุมัติร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้ามาให้บริการคาดว่าภายในเดือน พ.ย.2567นี้ ร่างทีโออาร์จะได้รับการอนุมัติ และภายในต้นเดือน ธ.ค. นี้จะสามารถเปิดประกวดราคาเพื่อคัดเลือกเอกชนที่มีคุณสมบัติเข้ามา และคาดว่าภายในเดือน มี.ค.2568 ทอท.คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญากับผู้ที่จะเข้ามาให้บริการภาคพื้นรายที่3ได้
นายกีรติ กล่าวต่อว่า ทอท. จะเปิดประกาศให้เอกชนที่สนใจเข้ามาเป็นผู้ให้บริการภาคพื้นดิน สนามบินสุวรรณภูมิรายที่ 3แล้ว ทอท.จะเปิดประกาศร่างเงื่อนไขทีโออาร์สำหรับผู้ที่สนใจเข้ามาดำเนินงานกิจการคลังสินค้า(คาร์โก้)ด้วย ซึ่งทาง ทอท. เปิดกว้างบริษัทที่จะเข้ายื่นเงื่อนในทั้ง 2 กิจกรรม สามารถมีผู้ร่วมทุนจากต่างชาติเข้ามาร่วมทุนเพื่อดำเนินกิจการได้ ซึ่งการเปิดกว้างก็มั่นใจว่าจะได้เอกชนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์จากทั่วโลกเข้ามา
“ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิ มีผู้ให้บริการภาคพื้น จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษในฐานะเป็นสายการบินแห่งชาติ 2. บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด (Bangkok Flight Services : BFS) โดยในช่วงหลังอุตสาหกรรมการบินกลับมาให้บริการและเติบโต สายการบินที่ให้บริการในสนามบินได้ร้องเรียนว่า บริการของการบินไทยไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นสาเหตุที่ ทอท.ต้องเปิดหาเอกชนรายที่ 3 เข้ามาดำเนินงาน”นายกีรติ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักสนามบินสุวรรณภูมิ ฝั่งตะวันออก หรือ (East Expansion) วงเงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาทนั้นขณะนี้ได้มีการออกแบบรายละเอียดเสร็จแล้ว คาดจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบ การปรับปรุงแบบ ในเดือน ธ.ค.2567หลังจากนั้นจะเปิดประมูลได้เดือนม.ค.2568 ส่วนการทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาขยายขีดความสามารถของสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อรองรับ ผู้โดยสารให้ได้150 ล้านคน/ปีนั้น อยู่ระหว่างเตรียมจ้างบริษัทที่ปรึกษา และคาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จในเดือนเม.ย.2568 จากนั้นจะเป็นการออกแบบรายละเอียด ซึ่งต้องใช้เวลาในการออกแบบประมาณ 1 ปี หรือกลางปี 2569แล้วเสร็จ