“จุลพันธ์” ฟุ้งปิดจ็อบปั้นกฎหมายตั้ง entertainment complex เตรียมเข็นเข้า ครม. ภายในปีนี้ ลุยกางตัวเลขหนุนเศรษฐกิจกระหึ่ม อัปรายได้ต่อหัวนักท่องเที่ยว-เพิ่มการจ้างงาน-ดันตัวเลขนักท่องเที่ยวกระฉูด แจงกรณีพรรคร่วมไม่เห็นด้วย ถือเป็นเรื่องปกติ โยนสภาเป็นคนพิจารณาสุดท้าย
24 ต.ค. 2567 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (entertainment complex) ซึ่งก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปเร่งพิจารณาในรายละเอียดเรื่องข้อกฎหมายและส่วนงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ว่า ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปจะเสนอให้ ครม. พิจารณาเห็นชอบ ก่อนจะเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้เร่งดำเนินการเกี่ยวกับขั้นตอนข้อกฎหมายเพื่อให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน และสมบูรณ์ที่สุดเท่านั้น โดยยังไม่ได้มีการกำหนดสเปคของโครงการ เช่น พื้นที่ วงเงินลงทุน แต่อย่างใด เพราะรายละเอียดเหล่านี้สามารถปรับแก้ได้ในชั้นของสภาซึ่งมีอำนาจที่จะปรับแก้ไขกฎหมายให้มีความเหมาะสมที่สุด โดยวัตถุประสงค์หลัก ๆ ของ entertainment complex คือ การสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามา ซึ่งจะสามารถสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ได้ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงการก่อสร้างโครงการ ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ราว 14,000-20,000 ตำแหน่ง และช่วงของการลงทุนที่เชื่อว่าตัวเลขจีดีพีจะขยับสูงขึ้น เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนค่อนข้างสูง
และหลังจาก entertainment complex เปิดให้บริการแล้ว ก็จะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวต่อหัวเพิ่มขึ้นเป็น ราว 60,000 บาท จาก 40,000 บาท และช่วยเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมีนัยสำคัญ ราว 5-20% รวมถึงช่วยสร้างรายได้จากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยในส่วนนี้มีประเด็นที่จะต้องมาดูว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร จะเขียนกฎหมายอย่างไรให้มีความรัดกุมว่าการจ้างงานจะต้องเป็นภายในประเทศมากที่สุด ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดผ่านการศึกษาอย่างละเอียดของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นตัวเลขที่มีประโยชน์ และคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนทั้งหมดหลังจาก ครม. พิจารณา
“เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเสนอให้ ครม. พิจารณาได้ภายในปี 2567 โดยต้องยอมรับว่าแม้โครงการนี้ถือเป็นนโยบายที่รัฐบาลจะทำ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเร่งทำวันนี้ หรือพรุ่งนี้ แต่จะต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม และมองว่ารัฐบาลยังมีภารกิจสำคัญอื่น ๆ ที่จะต้องเร่งดำเนินการก่อน” นายจุลพันธ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่มีพรรคร่วมบางส่วนออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการ entertainment complex นั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า ความเห็นแตกต่างถือเป็นเรื่องปกติ แต่ท้ายที่สุดแล้วอำนาจในการพิจารณา ปรับปรุง แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นของสภา ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการให้รัดกุมเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ส่วนข้อสังเกต และข้อเสนอต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการประชาพิจารณ์โครงการนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมรับข้อสังเกตและความคิดเห็นต่าง ๆ เพื่อที่จะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์มากที่สุด ทั้งข้อคิดเห็นที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยเมื่อเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนของสภาแล้ว ก็จะได้มีการหารือกันในรายละเอียดต่อไป
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเอกชนที่แสดงความสนใจลงทุนโครงการ entertainment complex ถือเป็นเรื่องที่ดี และสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในการลงทุน แต่ยืนยันว่าส่วนตัวที่เป็นคนทำกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไม่เคยเจอ ไม่เคยคุย ไม่เคยหารือ และไม่รู้ว่ามีเอกชนรายใดบ้างที่แสดงความสนใจ โดยสิ่งสุดท้ายเมื่อกฎหมายมีผลบังคับในที่สุด เอกชนที่แสดงความสนใจเหล่านั้นก็ต้องเข้าสู่กระบวนการประมูลตามกฎระเบียบของรัฐทั้งหมด ไม่มีอะไรซับซ้อน หากใครประมูลได้คนนั้นก็ได้ลงทุน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีปิดกั้นแน่นอน
อย่างไรก็ดี รายละเอียดของโครงการลงทุนทั้งหมด ตามขั้นตอนแล้วจะมีคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบในการกำหนดสเปคของโครงการว่าจะมีอะไรประกอบอยู่ใน entertainment complex เพื่อที่จะเกิดประโยชน์มากที่สุด เช่น ควรจะมีสวนสนุก หรือสนามกีฬาด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกันเอกชนที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการที่จะต้องเข้ามาอย่างเปิดเผย โปร่งใส คุณสมบัติต้องผ่านเกณฑ์ ก็สามารถเสนอเพิ่มเติมให้รัฐได้ เช่น อาจจะมีโรงละคร เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลพร้อมพิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนสนามม้า และสนามกอล์ฟ ก็สามารถจัดเป็น entertainment complex เพราะถือว่าอยู่ในกลุ่มอื่น ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วคณะกรรมการที่รับผิดชอบจะเป็นผู้กำหนดชัดเจนอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แย้มข่าวดี! รัฐจ่ออัดของขวัญปีใหม่
“จุลพันธ์” แย้มข่าวดีรัฐบาลเตรียมอัดมาตรการของขวัญปีใหม่ ชูปลุกจับจ่ายใช้สอย พร้อมยันคนแก่ได้แน่เงิน 10,000 บาท การันตีไม่เกิน ม.ค. 2568 ฟุ้งไทยติดท็อป 1 ใน 20 ประเทศลุยรีดภาษีนิติบุคคลบริษัทข้ามชาติไม่เกิน 15% ฝันดูดเม็ดเงินลงทุนกระหึ่ม ดันรายได้รัฐพุ่งปีละ 1 หมื่นล้านบาท