‘พีระพันธุ์’ ลั่นพร้อมอุ้มราคาดีเซล 33 บาท/ลิตรถึงสิ้นปี จับตาสถานการณ์สงครามต่อเนื่อง เผยพีดีพีฉบับใหม่ยังเปิดรับฟังความเห็นฟันธงเสร็จทันปีนี้ แจงกองทุนน้ำมันติดลบต่ำกว่าแสน
17 ต.ค. 2567 – นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมให้สอคคล้องกับแผนพลังงานใหม่เพื่อมุ่งสู่ Carbon Neutrality” ในการจัดสัมมนาวิชาการประจำปี Energy Symposium 2024 โดยสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ว่า กระทรวงพลังงานเตรียมขยายมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตรไปจนถึงสิ้นปี 2567 หลังจากมาตรการล่าสุดจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 ก.ค. 2567 เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ให้คงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2567 แม้ว่าจะมีภาวะสงครามในตะวันออกกลาง แต่จะพยายามดูแลราคาไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชน
“ปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะตรึงราคาต่อไปเพื่อให้เป็นแพคเกจด้านพลังงานในการกระตุ้นพลังงานราคาถูก รวมถึงด้านราคาไฟฟ้าด้วย แต่ก็ต้องดูปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามากระทบทั้งเรื่องสงคราม ถ้ามีความรุนแรงขึ้นมาก็อาจจะส่งผลไปยังราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวนอีก แต่ปัจจุบันจากการพิจารณาเหตุการณ์ไม่น่าจะมีบานปลาย ซึ่งจะทำให้สามารถตรึงราคาน้ำมันไปได้ถึงสิ้นปี ส่วนราคาพลังงานจะต้องติดตามต่อไป”นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่าปัจจุบันกระทรวงพลังงานกำลังดำเนินงานแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ถือว่าเป็นเงื่อนไขด้านพลังงานหลาย ๆ ด้านอยู่ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพลังงานใหม่ และรับกับเทรนด์โลก โดยแผนพลังงานใหม่ได้วางให้การผลิตไฟฟ้าที่มาจากเชื้อเพลิงพลังงานทดแทนมากขึ้น ซึ่งไทยเน้นที่พลังงานจากแสงแดด แผน PDP ใหม่จึงต้องเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมากขึ้น และได้มีการศึกษาและก็ร่างกฎหมายขึ้นมาที่ทำยังไงจะให้ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจสามารถติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ผลิตได้เองจากพลังงานทดแทน ซึ่งจะเป็นการสร้างความสะดวก ลดระยะเวลาและลดต้นทุนค่าใช้จ่าย
“ปัจจุบันแผนพีดีพีอยู่ระหว่างขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น โดยจะต้องนำข้อมูลมาพิจารณา ซึ่งกระทรวงได้คุยกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ตลอด เพื่อนำประเด็นมาหารือกันทั้งเรื่องสำรองไฟ และสัดส่วนการใช้ไฟในอนาคต รวมถึงการบริหารพลังงานทดแทน นอกจากนี้ยังได้ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 60 หน่วยงาน ร่วมกันพิจารณาซึ่งน่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)”นายพีระพันธุ์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุด ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 มีการนำส่งเงินในส่วนของน้ำมันเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันละ 148 ล้านบาท ดีเซลนำส่งเงินเข้ากองทุนวันละ 142 ล้านบาท ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี ) หรือก๊าซหุงต้มวันละ 2.35 ล้านบาท ทำให้สุทธิกองทุนมีเงินไหลเข้าวันละประมาณ 293 ล้านบาท ส่งผลให้สถานะกองทุนติดลบน้อยลง โดย ณ วันที่ 13 ต.ค.2567 กองทุนติดลบ 95,333 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 47,885 ล้านบาท และ เป็นบัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ติดลบ 47,448 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในช่วงต้นเดือนพ.ย.2567 นี้ กองทุนต้องเริ่มชำระคืนเงินต้นงวดแรก 100 กว่าล้านบาท จากยอดเงินกู้ก้อนแรก 5,000 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศก่อนหน้านี้ ที่มีกำหนดชำระคืนแล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้ รวมกับดอกเบี้ยที่ต้องชำระเดือนละประมาณ 250 ล้านบาท รวมกองทุน ต้องหาเงินชำระ ต้องมีเงินในการบริหารจัดการการชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.นี้ รวมประมาณ 400-500 ล้านบาท ส่วนการชำระคืนเงินกู้ที่เหลือจากเงินกู้ทั้งสิ้น 1.1 แสนล้านบาท จะแบ่งชำระคืนตามสัญญาที่กำหนดไว้