ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินจีนเที่ยวไทยปี 67 มีจำนวน 7 ล้านคน ต่ำกว่าคาดการณ์ 

ในปี 2567 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยกลับมาเป็นอันดับ 1 คาดมีจำนวน 7.0 ล้านคน ต่ำกว่าที่คาดช่วงต้นปี จาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่รุนแรง และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไปมาก

15 ต.ค. 2567 – ศูนย์วิจัยกสิกรไทย นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยเติบโตเร่งขึ้นจากปีที่ผ่านมา และกลับมามีจำนวนมากเป็นอันดับ 1 ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการวีซ่าฟรีของทั้ง 2 ประเทศ จากข้อมูลเบื้องต้นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวมีจำนวนกว่า 5.3 ล้านคน เติบโต 112% (YoY) แต่ในช่วงที่เหลือของปี 2567 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยคงเร่งตัวขึ้นได้ยาก เนื่องจากในช่วงท้ายปีไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวจีน ขณะที่ในช่วงวันหยุดยาววันชาติจีน (Golden week) โดยในช่วงวันที่ 1-7 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประมาณ 1.6 แสนคน ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าคาด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดการคาดการณ์นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในปี 2567 โดยมองว่าน่าจะอยู่ประมาณ 7.0 ล้านคน (ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 8 ล้านคน ในช่วงต้นปี) เติบโต 100.0% จากปี 2566 หรือกลับมา 63% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยทั้งหมดในปี 2562

สาเหตุในการปรับลดการคาดการณ์มาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่

เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวต่ำกว่าที่คาด ขณะที่คนจีนมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น และไปข้างหน้าเศรษฐกิจจีนยังมีความท้าทาย ทำให้การฟื้นตัวของชาวจีนเดินทางต่างประเทศไปสู่ระดับก่อนโควิดช้ากว่าที่คาด ซึ่งทางสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน ประเมินว่า ในปี 2567 ชาวจีนมีการเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 130 ล้านทริป (ในปี 2562 ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศราว 155 ล้านทริป) และสอดคล้องกับข้อมูลสายการบินระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ พบว่า จำนวนเที่ยวบินเฉลี่ยกลับมาเพียง 80% ของจำนวนเที่ยวบินระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ ในปี 2562

การแข่งขันดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนสูงขึ้นท่ามกลางจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเที่ยวต่างประเทศยังไม่ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับก่อนโควิด จากการที่หลายประเทศได้ออกมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน แม้สถิติจะสะท้อนว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับ 1 ที่ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยว (ไม่นับรวมมาเก๊าและฮ่องกง) แต่การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่สูง อาจมีผลต่อการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในระยะข้างหน้า

ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลในหลายประเทศได้ออกมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะการออกมาตรการวีซ่าฟรีเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจีนทั้งมาตรการวีซ่าชั่วคราวอย่างประเทศมาเลเซียและศรีลังกา รวมถึงมาตรการวีซ่าถาวรอย่างประเทศสิงคโปร์และไทย นอกจากนี้ ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเอกชนได้ออกแคมเปญการตลาดร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ของจีน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มนักท่องเที่ยวอย่างการให้คูปองส่วนลดสำหรับนักท่องเที่ยวจีนในการซื้อสินค้าและบริการระหว่างการท่องเที่ยว ทำให้การที่ไทยจะรักษาตำแหน่งการเป็นจุดหมายท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวจีนมีความท้าทายมากขึ้น

พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไปมาก จากผลสำรวจของหลายแพลตฟอร์มออนไลน์ด้านการท่องเที่ยวของจีน สะท้อนว่า คนจีนมองหาจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อเปิดประสบการณ์ ที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน เน้นการเดินทางท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยวธรรมชาติและเชิงสุขภาพ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในความต้องการด้านการท่องเที่ยวมีผลต่อการเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว และแผนการทำธุรกิจหรือการโปรโมทจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว

จากข้อมูลของ VariFlight พบว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวนเที่ยวบินระหว่างจีนไปยังประเทศต่างๆ เฉลี่ยกลับมาที่ประมาณ 80% ของจำนวนเที่ยวบินในช่วงเดียวกันของปี 2562 แต่มีบางประเทศที่จำนวนเที่ยวบินกลับมาฟื้นตัวและเติบโตกว่าปี 2562 อาทิ สิงคโปร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะที่จำนวนเที่ยวบินระหว่างจีนกับไทยกลับมาเพียง 68.5% ของจำนวนเที่ยวบินระหว่างจีนกับไทยในช่วงเดียวกันของปี 2562 

นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังมีปัจจัยท้าทายอื่นๆ ที่ต้องติดตาม อาทิ ค่าเงินที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงสถานกาณ์สงครามในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งประเด็นต่างๆ เหล่านี้ยังคงมีผลต่อเนื่องต่อทิศทางนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในปี 2568 และทำให้การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนสู่ระดับก่อนโควิดที่มีจำนวนกว่า 11 ล้านคน คงต้องใช้เวลา

เพิ่มเพื่อน