กระแส 'หมูเด้ง' ฟีเวอร์ Soft Powerของแทร่ ต่อยอดธุรกิจ-สร้างความตระหนักรู้การอนุรักษ์สัตว์

Moo Deng is the superstar !! คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเซเลปจากประเทศไทย ที่กำลังโด่งดังและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ได้รับความสนใจจากทั้งประชาชนชาวไทย ต่างชาติ และสื่อดังจากนานาประเทศ คงหนีไม่พ้น “หมูเด้ง”  ฮิปโปเซเลปจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่ได้สร้างกระแสไวรัลไปทั่วโลก จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดมีมและคอนเทนต์สร้างสรรค์มากมาย ก่อนหน้านี้ บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้นำเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังเสียงในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม – 18 กันยายน 2567 เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ พบว่าบนโซเชียลมีเดียมีการพูดถึง (Mention) “หมูเด้ง” 8,678 ครั้ง และได้รับการมีส่วนร่วม หรือเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) รวม 38,440,092 ครั้ง โดยแพลตฟอร์ม Facebook เป็นช่องทางที่ได้รับการพูดถึง (Mention) มากที่สุดจำนวน 5,263 ครั้ง และแพลตฟอร์ม TikTok ได้รับเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) สูงที่สุด 34,674,750 ครั้งกันเลยทีเดียว

โซเชียลมีเดีย (Social Media) เครื่องมือทรงพลังในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย กรณีสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่มีจุดเริ่มต้นจากการทำคอนเทนต์ของพนักงานสวนสัตว์โพสต์คลิปสัตว์น่ารัก จนกลายเป็นไวรัลที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งกลายเป็นโอกาสให้กับสวนสัตว์เปิดเขาเขียวสามารถใช้กระแสน้องหมูเด้งในการสื่อสาร ทั้งการทำคอนเทนต์ และการจัดกิจกรรม เพื่อเข้าถึงคนจำนวนมาก สร้างภาพลักษณ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสวนสัตว์มากยิ่งขึ้น

กระแสความเด้งแรงไปไกล จนผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจใน “ฮิปโปโปเตมัสแคระ” กันมากขึ้น สวนสัตว์หลายแห่งได้ออกมาประชันความน่ารักกันอย่างคึกคัก จนทำให้เกิดเป็นมีม (Meme) มีคลิปวิดีโอตลก ๆ น่ารักมากมายได้เห็นกันในโซเชียลมีเดีย

ขณะเดียวกันจากกระแสฮิตของ “หมูเด้ง” ส่งผลดีต่อสวนสัตว์เปิดเขาเขียว โดยเห็นได้ชัดจากการที่คนจำนวนมากเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับสัตว์มากขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้เข้าชมสวนสัตว์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่เพิ่มรายได้ให้กับสวนสัตว์เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์สัตว์ในวงกว้าง

นอกจากนี้ ด้วยกระแสความสนใจที่เพิ่มขึ้น ทางสวนสัตว์ฯ มีการปรับกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายขึ้น การปรับตัวนี้รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดกิจกรรมสนุก ๆ และให้ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับสัตว์ชนิดต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องหมูเด้ง และยังเปิดให้ชมความน่ารักของหมูเด้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ www.zoodio.live ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ที่จะพาผู้ชมเข้าสู่โลกของสัตว์ป่าแบบเรียลไทม์ ผู้สนใจสามารถสัมผัสบรรยากาศและเรียนรู้วิถีชีวิตของสัตว์ต่าง ๆ รวมถึงหมูเด้ง ผ่านหน้าจอได้อย่างใกล้ชิด นับเป็นการยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวสวนสัตว์ในรูปแบบใหม่ ที่ไม่จำกัดเวลาและสถานที่

ขณะเดียวกันยังสามารถต่อยอดธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นที่พักสวนสัตว์เปิดเขาเขียว การแก้ปัญหาคนต่อคิวนานเพื่อดูหมูเด้ง สวนสัตว์ฯเลยหันมาโปรโมทบริการที่พักให้นอนค้างคืนในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว สามารถตื่นเช้ามาได้ดูหมูเด้งแบบไม่ต้องต่อคิวเข้าสวนสัตว์ แถมกลางคืนยังได้นอนดูดาวแบบฟิน ๆ รวมถึงยังมีการจัดทำบัตรรายปี บัตรเดียวเที่ยวคุ้ม จ่ายครั้งเดียวเข้าได้ครั้งละ 4 คน ในระยะเวลา 1 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนอยากกลับมาเที่ยวบ่อย ๆ ซึ่งวิธีนี้ดีกว่าการหาลูกค้าใหม่ เพราะไม่ต้องเสียเงินโฆษณาแพง ๆ แถมยังรักษาลูกค้าเก่าได้ง่ายกว่าด้วย แบบนี้สวนสัตว์ก็ได้ประโยชน์ เพราะมีรายได้แน่นอน ส่วนคนซื้อบัตรก็คุ้ม เพราะมาเที่ยวกี่ครั้งก็ได้ในหนึ่งปี อยากดูหมูเด้งตอนไหนก็มาได้ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสให้คนได้เห็นสัตว์ตัวอื่น ๆ ด้วย ส่งเสริมให้คนเข้าใจและรักสัตว์มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังสามารถต่อยอดไปยังการผลิตของที่ระลึก เสื้อ-กางเกงลายหมูเด้ง ที่ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าธรรมดา ๆ แต่ยังเป็นสื่อกลางในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ทุกครั้งที่สวมใส่เสื้อหรือกางเกงลายหมูเด้ง ก็จะนึกถึงประสบการณ์ดี ๆ จากการได้พบหมูเด้งโดยตรง หรือจากการรับชมคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้อง

ความน่ารักของหมูเด้งไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนทั่วไป แต่ยังดึงดูดความสนใจจากแบรนด์ต่าง ๆ อีกด้วย จากกระแสไวรัลของหมูเด้ง จึงเป็นโอกาสให้กับหลาย ๆ แบรนด์ได้ออกมาทำ Real-time คอนเทนต์ เพื่อช่วยเพิ่มการรับรู้ (Awareness) ให้กับแบรนด์ของตนเอง วิธีนี้ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว โดยอาศัยความนิยมของหมูเด้งเป็นตัวขับเคลื่อน

 การทำคอนเทนต์แบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความทันสมัยและความเข้าใจในกระแสสังคมของแบรนด์อีกด้วย ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภคในระยะยาว

สุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล อุปนายก สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย – ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท แบรนด์เบเกอร์ กล่าวว่า ในช่วงก่อนหน้านี้สวนสัตว์เปิดเขาเขียวได้รับความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแชร์ความน่ารักของสัตว์ต่างๆ  ในโซเชียลมีเดียผ่านบัญชีชื่อ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง”  ไม่ว่าจะเป็นฮิปโป “ขาหมู” หรือแม้กระทั่งคาปิบาร่า หรือที่เป็นไวรัลแล้วเรียกกันว่ากะปิปลาร้านั่นเอง แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดกับ “หมูเด้ง” ในตอนนี้ เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับทั้งขาหมูและกะปิปลาร้า แต่สิ่งที่ทำให้หมูเด้งโด่งดังทั่วโลก เนื่องจากการเลือกใช้โซเชียลมีเดียอย่าง X (ทวิตเตอร์) ที่ไม่ได้จำกัดคนเห็นจากโลเคชั่น สามารถดูได้จากหลายประเทศ บวกกับศิลปินดังชาวญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของผลงานสติ๊กเกอร์ไลน์ที่คนนิยมใช้กัน ได้วาดแฟนอาร์ตหมูเด้งกลายเป็นรูปมีม และทำให้คนสนใจแพร่หลายยิ่งขึ้น

“มุมที่น่าสนใจของหมูเด้งฟีเวอร์ คือการจับจังหวะเรื่องของโซเชียลมีเดีย แม้ว่า X คนอาจจะไม่ค่อยได้ใช้หรือค่อนข้างเป็นเฉพาะกลุ่ม แต่มีพลังที่พาไปให้ไกล แต่ถ้าเป็นโซเชีลมีเดียอื่นๆ อย่างเฟสบุ๊ค ก็อาจจะอยู่ในแค่ประเทศไทย สะท้อนว่าการเลือกโซเชียลมีเดียเป็นเกตเวย์ที่จะสร้างโอกาสให้คนมองเห็น”

ผศ. ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ได้ให้มุมมองของกระแสของ “หมีเนย” และ “หมูเด้ง” ว่า  ถ้ามองในมุมการตลาด ต้องบอกว่าทั้งหมีเนยและหมูเด้งก็ตอบโจทย์ในเรื่องของ emotional marketing เป็นอย่างมาก หรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่จริตตรงกับอารมณ์ของคนในความชอบ ช่วงที่ผ่านมาในงานวิจัยและผลการศึกษา จะเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าในแง่พฤติกรรมของคนค่อนข้างจะชอบสัตว์ คือมีความเอ็นดูสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะว่าตอนนี้เห็นเทรนด์กระแสของเรื่องของ Petsumer , Pet Parenting มีอยู่แล้ว ต้องบอกว่าหมีเนยกับหมูเด้งมีความเฉพาะตัวขึ้นมา คือมีจุดคาแรคเตอร์ที่สําคัญ ในเรื่องของความน่ารักและตลก พอสองอย่างมาด้วยกันก็เป็นอะไรที่เรียกว่ามัน touch กับเรื่องของ emotional คน ที่ทําให้คนมีความรู้สึกว่าพอได้ดูแล้วรู้สึกผ่อนคลาย จะเห็นว่าคล้ายกับลักษณะของ Humour Marketing คนค่อนข้างให้ความสนใจเรื่องนี้ จากปัญหาเศรษฐกิจและปัจจัยลบในการใช้ชีวิต เกิดความเครียด พอมาเจอคอนเทนต์ที่ทำให้ขํา ที่เห็นแล้วดูน่ารัก ก็รู้สึกดี แน่อนว่าความน่ารักนี้ได้ถูกกระจายไปทั่วโลก

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ คือ เรื่องของ branding หรือการสร้างแบรนด์ ต้องบอกว่าในอดีตที่ผ่านมาการสร้างแบรนด์ค่อนข้างยาก แต่ในโลกของดิจิทัล การเกิดไวรัล  digital จะไปไกลมาก ไม่ได้อาศัยการบอกต่อหรือต้องเห็นด้วยตา จะเห็นได้ว่าน้องหมีเนยและหมูเด้งมี character หรือ personality ที่ชัดเจนมาก อย่างตัวหมูเด้งจะมีความดีดเด้ง หูที่กระดิกได้ หรือเวลาจี้ไปสัมสัมผัสตัวจะเด้ง เป็นคาแรคเตอร์ที่ทั้งน่ารักและตลก

ขณะเดียวกันยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องบอกว่าจากคาแรคเตอร์ของทั้งหมีเนยก็ดึงดูดคนไปที่ Emsphere และไปจับจ่ายต่อ ตอนนี้ร้านบัตเตอร์แบร์ก็จะขยายไปยังพารากอน รวมถึงการต่อยอดมายังสินค้าที่เกี่ยวข้องกับหมีเนย ซึ่งคนก็ให้ความสนใจอยู่แล้ว กลายเป็นของฝากที่ประทับใจทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนกรณีหมูเด้งก็จะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยจากทั้งในและต่างประเทศ เดินทางไปยังสวนสัตว์เปิดเขาเขียวกันมากขึ้น เรียกว่าไกลแค่ไหน แต่เห็นความน่ารักของหมูเด้ง ก็จะเดินทางเพื่อเจอหมูเด้ง ทำให้ยอดผู้เข้าชมสวนสัตว์เติบโตขึ้นอย่าง และแน่นอนว่าย่อมทําให้สัตว์อื่นได้รับความสนใจไปด้วย เกิดการจับจ่ายในสวนอื่นๆ ตามมา

“คงต้องบอกว่าจากระแสที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนพลังของ Soft Power ที่แนะนําให้คนรู้จักประเทศไทยได้ชัดเจนมาก ตอนนี้ชื่อของประเทศไทยไม่ว่าจะผ่านหมีเนยหรือหมูเด้ง เรียกว่ากระจายไปทั่วโลก ที่สําคัญคือถ้าเรามีอาวุธที่สําคัญหรือเป็น Soft Power ที่มีพลังได้ขนาดนี้ จากนี้ก็ต้องมาดูว่าจะต่อยอดยังไง เป็นโจทย์ที่สําคัญที่เรียกว่าจริงๆรัฐบาลน่าจะต้องลงมาดูตรงนี้ โดยอาจจะมีการสร้างสิ่งที่เชื่อมโยงกัน เพื่อให้เกิดความน่าสนใจด้านการท่องเที่ยว เป็นกระแสที่ควรนำมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวและยั่งยืนต่อไป”

เพิ่มเพื่อน