ในการประชุมกนง. วันที่ 16 ต.ค. 2567 นี้ คาดกนง. ยังมีมติไม่เป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี คาดว่ากนง. คงมีท่าทีผ่อนคลายต่อทิศทางนโยบายการเงินมากขึ้น โดยส่งสัญญาณเปิดโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า
10 ต.ค. 2567 – ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองความเป็นไปได้ว่า กนง. อาจเริ่มปรับลดดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดในเดือน ธ.ค. 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังต่อไปนี้ คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นไปอย่างเปราะบางและเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น แม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ท่ามกลางแรงหนุนจากการส่งออก การท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ปัญหาอุทกภัยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อไปยังภาคการเกษตร การท่องเที่ยว และกำลังซื้อของผู้บริโภค ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
แรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มยังอยู่ในระดับต่ำ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาส 4/2567 มีแนวโน้มกลับเข้าสู่กรอบล่างของเป้าหมายของ ธปท. ที่ 1-3% โดยส่วนหนึ่งจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าตามมาตรการภาครัฐช่วยเหลือค่าครองชีพโดยการตรึงราคาค่าไฟฟ้าและราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล แต่ในภาพรวมทั้งปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5%
ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักทั่วโลกอยู่ในฝั่งผ่อนคลาย โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ใน 2 การประชุมที่เหลือในปีนี้ หลังจากมีมติปรับลดดอกเบี้ย 0.50% ลงมาอยู่ที่ 4.75-5.00% ในการประชุม FOMC เดือนก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทเผชิญแรงกดดันให้แข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังรายได้และสัดส่วนการทำกำไรของผู้ส่งออกไทย
การประชุมกนง. ครั้งนี้ จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ธปท. อาจยังคงประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทยปี 2567 ไม่แตกต่างจากการเผยแพร่ครั้งก่อนหน้าเท่าใดนัก โดยธปท. คาดว่าในปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 2.6% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0.6% ในการเผยแพร่ประมาณการเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ที่ ธปท. อาจปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 จากประมาณการครั้งก่อนหน้าที่ 3.0% ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น