จากกรณีสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับรองรายงาน กมธ.การเงินการคลังฯ แก้ปัญหาราคาใบยาสูบ-ยาเส้นตกต่ำ พร้อมมีข้อเสนอให้กระทรวงการคลังเร่งปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ให้ความช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบ และปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างเร่งด่วนนั้น
9 ต.ค. 2567 – นายกิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เกี่ยวข้องทุกท่านและคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเงินการคลังฯ และ อนุฯ กมธ. ที่ได้ศึกษาปัญหาและความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบทั้งสามสายพันธุ์ทั่วประเทศกว่า 2.2 หมื่นราย รายงานฉบับนี้ครอบคลุมทุกมิติและสะท้อนความคิดเห็นของชาวไร่ยาสูบซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างแท้จริง พร้อมกับมีผลให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมไปบ้างแล้ว เช่น การปรับราคารับซื้อใบยาสูบครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี นับเป็นผลงานสำคัญของ กมธ. การเงินการคลังฯ ที่มีนายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สมาชิกผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย ที่ผลักดันช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบอย่างจริงจัง”
ทั้งนี้ ยาสูบเป็นพืชเศรษฐกิจของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากว่า 60 ปี แต่มาประสบปัญหาอุตสาหกรรมตกต่ำภายหลังปี 2560 เนื่องจากอัตราภาษียาสูบที่เพิ่มสูงขึ้นและการใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตแบบ 2 อัตราโดยแบ่งตามราคา สร้างแรงจูงใจให้บุหรี่นำเข้าแข่งขันในตลาดราคาล่างกับบุหรี่ในประเทศอย่างมาก รวมถึงปัญหาจากบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้ามาในตลาดอย่างผิดกฎหมาย เนื่องจากบุหรี่ถูกกฎหมายมีราคาแพงมากจนทำให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) รายได้ลดลง ไม่สามารถขึ้นราคาใบยาสูบที่สะท้อนต้นทุนจริงให้กับชาวไร่ กรมสรรพสามิตเองก็จัดเก็บรายได้ภาษีบุหรี่ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกษตรกรประสบปัญหารายได้ลดลง สภาพหนี้สินเพิ่มขึ้น และยังไม่มีพืชเศรษฐกิจอื่นที่สามารถเข้ามาทดแทนได้
รายงานฯ ระบุว่า มูลค่าการรับซื้อใบยาสูบของ ยสท. ลดลง 57% โดยมูลค่าการรับซื้อใบยา ในปี 2560 จํานวน 2,000 ล้านบาท และในปี 2566 ลดเหลือประมาณ 940 ล้านบาท เท่ากับว่ารายได้เกษตรกรหายไป 1,060 ล้านต่อปี นอกจากนี้ รายงานฯ ยังได้แนะนำให้ ยสท. ลดต้นทุนการผลิตด้านอื่นๆ เพื่อให้มีงบประมาณมาช่วยเหลือชาวไร่ พร้อมจี้ให้กรมสรรพสามิตเร่งพิจารณาโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบให้มีความเหมาะสม โดยไม่ควรให้เกิดปัญหาจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบเหมือนครั้งที่ผ่านมา
แม้ราคาบุหรี่จะสูงขึ้นมาก แต่จํานวนผู้สูบบุหรี่กลับไม่ได้ลดลง เนื่องจากผู้สูบบุหรี่อาจเปลี่ยนไปสูบยาเส้น บุหรี่ผิดกฎหมาย และบุหรี่ไฟฟ้าทดแทน เป็นสาเหตุให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ลดลง และกระทบต่อผลประกอบการของ ยสท. พร้อมทั้งเสนอให้ปราบปรามบุหรี่เถื่อนและการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อเกษตรกรและ ยสท. ในระยะยาว
นายกิตติทัศน์ ยังได้เรียกร้องให้กระทรวงการคลังพิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่อย่างเร่งด่วน เนื่องจากการปรับครั้งก่อนๆ ทำให้ ยสท. มีกำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง และชี้ว่า “การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ที่กรมสรรพสามิตกำลังศึกษาอยู่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะเป็นการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยาสูบในอนาคตและมีผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำคือชาวไร่ยาสูบ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำอย่างร้านค้าโชห่วยและร้านค้าปลีกกว่า 500,000 รายอีกด้วย