'จุลพันธ์' จ่อถกลุย Entertainment Complex ฟุ้งรัฐบาลไม่ปิดกันหลังเอกชนโปรยยาหอมลงทุน

“จุลพันธ์” ขีดเส้น 1-2 สัปดาห์เรียกถกหน่วยงานเดินหน้าศึกษาผุด Entertainment Complex ก่อนเร่งชง ครม. พิจารณา ฟุ้งไม่ติดเอกชนสนใจลงทุน มองเป็นเรื่องดี รัฐบาลไม่ปิดกั้น

30 ก.ย. 2567 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์จากนี้ เตรียมเรียกประชุมส่วนงานที่เกี่ยวข้องในการศึกษาการพิจารณาเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) อาทิ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นต้น เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาไม่นาน ไม่เกินต้นเดือน ต.ค. 2567 น่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมด และหลังจากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบต่อไป

ทั้งนี้ หลักของโครงการคงไม่ได้ต่างจากที่สภาผู้แทนราษฎรส่งมาให้ ครม. พิจารณาก่อนหน้านี้ แต่ยอมรับว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนในบางเรื่องที่เป็นข้อจำกัด โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย เช่น การบริหารรายได้ การจัดเก็บภาษีในมิติต่าง ๆ ซึ่งตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ กำหนดว่าอำนาจในเรื่องดังกล่าวเป็นของกระทรวงการคลัง ดังนั้นก็เป็นหน้าที่ของกรมจัดเก็บภาษีทั้ง 3 แห่งที่จะต้องดำเนินการ คงจะมอบอำนาจให้คณะกรรมการหรือใครอย่างที่สภาฯ ให้ข้อเสนอแนะมาไม่ได้

นอกจากนี้ ข้อเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากการพนันและสถานบันเทิงครบวงจร ที่ยังมีปัญหาเล็กน้อย โดยเมื่อมาพิจารณาตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังในเรื่องการจัดตั้งกองทุนใหม่ที่ห้ามไม่ให้มีภาระกิจซ้ำซ้อน ซึ่งข้อเสนอแนะจากส่วนราชการเห็นว่าอาจจะต้องมีการปรับรูปแบบกองทุน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปและสอดคล้องตามหลักกฎหมายประกอบทั้งหมด โดยรายละเอียดจำเป็นต้องมาหารือกันเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง

“รายละเอียดเรื่องพื้นที่ในการจัดตั้ง Entertainment Complex จะไม่ได้มีการพูดคุย ไม่ได้มีการหารือในส่วนที่ผมรับผิดชอบ เพราะไม่ได้เป็นหน้าที่ีของผม เพราะว่าเรามีหน้าที่พิจารณาในขั้นตอนการทำกฎหมายเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไ่มีการพูดถึงเรื่องพื้นที่หรืออะไร แต่เราจะมีการวิเคราะห์ในเรื่องของผลได้ทางเศรษฐกิจว่าจะมีรายได้ หรือเป็นประโยชน์กับรัฐเท่าไหร่ อย่างไร ซึ่งการพิจารณาหลัก ๆ เราก็เอาโมเดลจากสิงคโปร์มาดู เพราะเขาทำไว้ดีดี ก็เอาตรงนั้นมาเป็นหลัก เพราะมีตัวเลขหลายส่วนที่น่าสนใจ” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ในมิติของการป้องกันผลกระทบทางลบที่จะเกิดกับภาพรวมเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลังก็ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบด้วย แต่ท้ายที่สุดเรื่องนี้จะเป็นอำนาจของสภาฯ ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้งว่าโครงการดังกล่าวจะมีผลกระทบอย่างไร จะปิดป้อง ป้องกันผลกระทบทางลบอย่างไรต่อไป ตรงนี้ต้องมาช่วยกันคิด ช่วยกันทำเพื่อให้โครงการเดินหน้าสู่ความสำเร็จ

อย่างไรก็ดี กรณีที่เอกชนแสดงความสนใจ แสดงเจตจำนงค์ที่จะลงทุนในโครงการ Entertainment Complex นั้น มองว่า เป็นเรื่องที่ดี และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น ส่วนที่ว่าเอกชนจะไปดำเนินการตรงไหน อย่างไร ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่กระทรวงการคลังในฐานะภาครัฐก็ต้องมากำหนดข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจน ซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็นปี อาจจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำหนดพื้นที่ ว่าจังหวัดไหน จุดไหนจะเหมาะสม รวมถึงจะต้องมีการกำหนดรูปแบบของโครงการออกมาเป็น TOR เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เช่น กำหนดให้มีพื้นที่ของสวนสนุก อย่าง Disneyland หรือ Universal Studios เป็นต้น หรือให้มีพื้นที่ของสนามกีฬาระดับนานาชาติแห่งใหม่ โดยกระบวนการดำเนินการทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย โปร่งใส และชัดเจนว่ารัฐและประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไร

เพิ่มเพื่อน