นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ป้องกันโรบอทนักฆ่าในตลาดหุ้น เริ่มแจกเงินสด...มูลค่าตลาดหุ้นขึ้นมาแล้ว1.9ล้านล้านบาท!

ข้อมูลที่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาตามสถานการณ์ คือ ข้อมูลจากตลาดหุ้น…

วันที่ 20 กันยายน 2024 ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,451.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 69,082 ล้านบาท มูลค่าตลาดหลักทรัพย์รวม 18.36 ล้านล้านบาท เทียบกับวันที่สภาฯเลือก นายกฯอุ๊งอิ๊ง ในวันที่ 16 สิงหาคม 2024 ดัชนีหุ้นอยู่ที่ 1,303.00 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,592 ล้านบาท มูลค่าตลาดหลักทรัพย์รวม 16.46 ล้านล้านบาท

สรุปได้ว่า จากวันที่สภาฯเลือกนายกฯ อุ๊งอิ๊ง จนเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2024 มูลค่าหลักทรัพย์ไทยขึ้นมาแล้ว 1.9 ล้านล้านบาท ! ในเวลาเพียง 5 สัปดาห์ เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าของงบดิจิตอลวอลเล็ตแต่เดิม ! มูลค่าทรัพย์ของผู้ลงทุน ทั้งกองทุน สถาบัน นักลงทุนบุคคลทั้งรายใหญ่ รายย่อยเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า นักลงทุนบุคคลที่ร่ำลาตลาดหุ้น เริ่มกลับมาลงทุนเก็งกำไรในตลาดหุ้น ด้วยมีความหวังที่ดี

ต่างกับก่อนหน้านี้ 2-3 ปี ในช่วงที่กฎเกณฑ์กำกับโรบอทนักฆ่า กำกับการช็อตเซล เริ่มผ่อนคลาย หุ้นก็ขึ้นยาก และ ลงแรงอย่างไร้เหตุผล มีความผันผวนโดยรวมสูงขึ้น และตลาดซบเซา

ก่อนหน้านั้นก็เป็นเช่นนี้ หุ้นลงต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนที่พอจะทำกำไรได้ ต้องเป็นแบบโรบอทนักฆ่าเป็นหลัก นักลงทุน นักเก็งกำไร บุคคลทั่วไปขาดทุนมากกว่ากำไร จนถึงจุดต่ำสุดหลังการระบาดของโควิด จนตลาดหลักทรัพย์กลับมาใช้หลักการ “ป้องกันโรบอทนักฆ่า” ควบคุมการช็อตเซลที่เข้มงวดขึ้น หุ้นก็ขึ้นมาได้ ราวๆ 2 ปีเศษ ในช่วงตั้งแต่กลางปี 2020 ถึงปี 2022 และ ตั้งแต่ 2023 เป็นต้นมา แม้มีกระแสเก็งกำไร พรีอิเล็กชั่น และโพสท์อิเล็กชั่น แรลลี่ แต่หุ้นก็ขึ้นไม่ได้ ซบเซามาตลอด จน กลต. ตลาดหลักทรัพย์ กลับมาใช้มาตรการป้องกันโรบอทนักฆ่าอีกครั้ง ปกป้องให้นักลงทุนบุคคลเริ่มมีที่ยืน เริ่มลงทุนเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้ง ตลาดหุ้นก็กลับมาฟื้นฟูคึกคักได้อีกครั้ง มูลค่าหุ้นขึ้นมาแล้วถึง 1.9 ล้านล้านบาท

บัดนี้ บรรดากลุ่มที่ทำตัวซื้อขายหุ้นแบบ โรบอทนักฆ่า คงมีท่าที “หิวโซ” เห็นระบบนิเวศน์กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง คงอยากกลับมาบอกว่า ตลาดหุ้นปรกติแล้ว เปิดให้โรบอทนักฆ่าคืนตลาดมาล่าเหยื่ออีก

ผู้กำหนดนโยบายทั้ง กลต. หรือ ตลาดหลักทรัพย์ ใครจะกล้าเสี่ยงเปิดเรื่องนี้อีกครั้ง ?? ในเมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เปิดให้โรบอทนักฆ่า ทำอะไรได้เต็มที่ นักลงทุนบุคคลเสียหายยับเยิน รู้สึกตลาดหุ้นไม่น่าลงทุน ถอนตัวจากตลาดหุ้น เงินลงทุนในตลาดหุ้นก็หดหายไป

และทุกรอบที่กลับมาเคร่งครัด ปกป้องนักลงทุนบุคคล ตลาดหุ้นก็กลับมาคึกคัก นักลงทุนเอาเงินกลับมาลงทุนในตลาดหุ้น ระบบนิเวศน์ก็กลับมาสมบูรณ์ดี

การลงทุนแบบโรบอทนักฆ่า

“ใช้ความเร็ว และ ความถี่ สูงกว่ามนุษย์นับพันเท่า”

“ทำกำไรโดยแทบไม่มีความเสี่ยงขาดทุน”

“ไม่ถือครองหลักทรัพย์นาน เพียงเก็งกำไรสั้นๆ”

“ไม่ได้สร้างสภาพคล่อง แต่เคาะซื้อขาย ดูดสภาพคล่องออกจากตลาด”

“ใช้ความเร็วตัดหน้า กรณีผิดคาด จะได้ขายให้นักลงทุนบุคคลซึ่งถอนตัวไม่ทัน”

“ดักหน้าสถาบัน – สวนทางบุคคล”

เมื่อพิจารณาแล้ว ต้องตั้งคำถามว่า “เมื่อโรบอทในตลาดหุ้น มีสภาพเหมือนมะเร็งในร่างกาย มะเร็งดูดอย่างเดียว โรบอทก็ดูดกำไรอย่างเดียว ไม่ได้สร้างอะไรให้กับคนอื่น” อย่าบอกว่าเป็น “ผู้สร้างสภาพคล่อง” เพราะ ไม่ตั้งซื้อขายที่มีนัยสำคัญ เคาะซื้อขายเป็นหลัก โรบอทตลาดหุ้นเป็นพวก “ผู้ดูสภาพคล่อง” ออกไปต่างหาก

ถือว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ทีมการเงินมือดี อย่างรองนายกฯ พิชัย ชุณหวชิระ และคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง ได้นำตลาดหลักทรัพย์มาดี ฟื้นฟูตลาดได้ดี และไม่ต้องกลับไปผ่อนคลายเกณฑ์การปกป้องนักลงทุนบุคคล จนจะต้องล้มหายตายจากไปอีก

เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรปกป้องนักลงทุนบุคคลนับล้านๆคน มากกว่า ปกป้องคนไม่กี่กลุ่มที่ใช้โปรแกรมโรบอทนักฆ่าในตลาดหุ้น มิใช่หรือ ??

นอกจากนั้น การที่นายกฯอุ๊งอิ๊ง โฟกัส ที่งาน และ ประชาชน โดยรับฟังคำแนะนำดีๆ ฉลาดๆ จาก ธนาคารแห่งประเทศไทย และนักวิชาการ เริ่มแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง ผ่านระบบพร้อมเพย์ ก็เป็นการปรับปรุงนโยบาย และ การปฏิบัติที่ชาญฉลาด และ ย่อมจะเกิดผลดี

เพราะการยอมรับว่าไม่ควรเดินหน้าการใช้บล็อคเชน คริปโตฯ เทคโนโลยี DLT (Decentralized Ledger Technology) ในการเปิดให้มีเอกชาทำระบบไมนิ่ง เพื่อทำการบันทึกการเปลี่ยนแปลงเจ้าของเหรียญ (Proof of Stakes) กับการใช้เงินซื้อขายของจริงของประชาชนทั้งประเทศ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ระบบจะช้า ไม่ทันใช้ และข้อมูลเสี่ยงรั่วไหล ประเทศฉลาดๆเขาหยุดการสนับสนุนคริปโตฯ และการทำ “ไมนิ่ง” กันมากมายแล้ว

และการเริ่มเปิดใจสำหรับการพิจารณาใช้โครงการคล้ายๆ “ไทยเที่ยวไทย” หรือ “คนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็เป็นการคิดที่ชาญฉลาด และไม่ถือว่าเป็นการ “ลอกข้อสอบ” แต่อย่างใด เพราะประเทศย่อมก้าวหน้าได้เฉพาะเมื่อนักการเมืองไม่เล่นแต่การเมือง เรื่องไหนดี ก็ทำสืบสาน ต่อยอดกัน ตามแบบอย่างของพระเจ้าอยู่หัว ก็จะเกิดแต่สิ่งดีๆกับประชาชนชาวไทย

และการลดการสร้างดราม่ากดดันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเห็นนักการเมืองบางราย ใช้วิธีสร้างภาพดรามาเป็นฮีโร เรียกร้องเร่งรัดให้ ธปท. ลดดอกเบี้ย ซึ่งนโยบายดอกเบี้ย มีหลายเรื่องเป็นองค์ประกอบ เพื่อ เสถียรภาพ และ การเติบโตทางเศรษฐกิจของทุกภาคส่วนโดยรวม เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% จาก 5.25% เป็น 4.75% ก็เปิดโอกาสให้ กนง. “อาจ” พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยจากระดับปัจจุบันที่ 2.5% ลงมาได้  แต่ควรทำก็ต่อเมื่อพิจารณาทุกด้านไว้อย่างรอบคอบแล้ว “การสร้างอารมณ์ดราม่า เรื่องปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยผู้กู้” เป็นการกระทำที่ “ไร้วิชาการ” และ “ไร้จรรยาบรรณ” และ ไม่ควรทำกันต่อไป ซึ่งดู นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ก็มีเข้าใจ และวางตัวเรื่องนี้ได้ดี

นายกฯ อุ๊งอิ๊ง เริ่มต้นด้วยดี ป้องกันโรบอทนักฆ่าในตลาดหุ้น เริ่มแจกเงินสด … มูลค่าตลาดหุ้นขึ้นมาแล้ว 1.9 ล้านล้านบาท ! รักษาทางที่ดี และ ถอยจากทางที่ไม่เหมาะสม น่าจะเป็นรัฐบาลที่ดูแลประเทศต่อไปได้อย่างยั่งยืน

ไทยทน

เพิ่มเพื่อน