PDPC ผนึก วช. และ สกมช. ลงนามร่วมมือป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ วช. และ สกมช. ด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อช่วยป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทย พร้อมมุ่งสร้างความตระหนักรู้ เพื่อช่วยให้ประเทศก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย

30 ส.ค. 2567 -สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC เผยว่า ในยุคปัจจุบัน ที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์กำลังมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความปลอดภัยในระบบดิจิทัล รวมถึงยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทยให้สูงขึ้น สคส. จึงได้ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (สกมช.) ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อผนึกกำลังร่วมกันสนับสนุนด้านการศึกษา วิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยี-นวัตกรรม รวมถึงองค์ความรู้ในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย

ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของทั้ง 3 องค์กร ที่จะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี องค์ความรู้ และทรัพยากรบุคคล รวมถึงช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยสามารถสร้างระบบตรวจจับภัยคุกคามที่ตอบสนองได้รวดเร็ว ช่วยป้องกันการคุกคามทางไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถพัฒนาแนวทางป้องกันและฟื้นฟู ที่เหมาะสม ในการรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกด้วย

นอกจากนี้ การร่วมมือกันระหว่าง สคส., วช., และ สกมช. ในครั้งนี้ ยังเป็นการช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจในด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างเป็นปัจจุบัน และช่วยบูรณาการให้ประเทศไทยสามารถก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในอนาคต

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก.อุตฯ ลุยเสริมทักษะเอสเอ็มอีกว่า 200 ราย

'ศศิกานต์' เผย ก.อุตฯ เดินหน้าส่งเสริมเอสเอ็มอีกว่า 200 ราย เสริมทักษะ เพิ่มขีดการแข่งขัน เน้นดิจิทัลและความยั่งยืน คาดดันเศรษฐกิจโตกว่า 62 ล้านบาท