เซเว่นฯ จับมือ ททท. สร้างปรากฎการณ์ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ…ก็หลงรัก” ผ่านแคมเปญสุดจึ้งแห่งปีโดยมี “โดราเอมอน” มาสร้างความสนุก ผสมผสานความเป็นไทยครั้งแรก!!! จัดใหญ่ทั่วไทย…แจกใหญ่ทั่วถึงสะสมได้ทั้งรูปแบบดวงแสตมป์ และ M-Stamp บน 7 App ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม ถึง 15 ธันวาคม 2567
30 ส.ค. 2567 -นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า เซเว่น อีเลฟเว่น เป็นหนึ่งในDestination หรือหมุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องมาเช็คอินทุกครั้งที่มาเมืองไทย เพราะเซเว่น อีเลฟเว่นมีสินค้าที่หลากหลาย ทั้งสินค้า SME อาหารไทย 4 ภาคเป็นสีสันที่ต่างชาติให้ความสนใจ การจัดแคมเปญแสตมป์ในปี 2567 นี้ทางเซเว่น อีเลฟเว่นจึงได้ผนึกกำลังกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำของเด่น ของดีประเทศไทยไม่ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยว อาหารไทย ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม ของ 77 จังหวัด ผนวกเข้ากับดวงแสตมป์ภายใต้แนวคิด “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ…ก็หลงรัก”ให้คนไทยและคนต่างชาติได้รู้จักเมืองไทยและอยากท่องเที่ยวเมืองไทยมากยิ่งขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก AI Thailand นำคาแรคเตอร์ “โดราเอมอน” มาผสมผสานเสน่ห์ความเป็นไทยครั้งแรก เพื่อส่งต่อประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าได้เข้าถึงเสน่ห์ความเป็นไทยได้ง่ายขึ้น ด้วยความสุข สนุกสนานและรอยยิ้มซึ่งเป็นเอกลักษณ์ไทย และร่วมความภาคภูมิใจไปกับเสน่ห์ความเป็นไทยไปพร้อมๆ กัน
ทุกๆ ปีแคมเปญแสตมป์จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมาก ลูกค้าสามารถสะสมได้ทั้งรูปแบบดวงแสตมป์ และ M-Stamp ใน7App และสามารถนำแสตมป์ไปแลกของพรีเมียมรายการพิเศษน่ารักๆ น่าสะสมได้อีกด้วย ทำให้ได้แคมเปญแสตมป์7-Eleven เป็นแคมเปญใหญ่ประจำปีที่มีสีสันที่ทุกคนต่างรอคอย
แคมเปญแสตมป์ในครั้งนี้ “โดราเอมอน” จะมาปรากฎตัวบนแสตมป์ 7-Eleven ผ่านแคมเปญ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ…ก็หลงรัก” แบบจัดใหญ่ทั่วไทย…แจกใหญ่ทั่วถึง
o เมื่อซื้อสินค้าครบทุกๆ 80 บาท (ยกเว้น สินค้าไม่ร่วมรายการ) จะได้รับดวงแสตมป์ หรือ M-Stamp มูลค่า 1 บาท โดยนำเสนอเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น 77 จังหวัด บนดวงแสตมป์
o หรือเมื่อซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ รับแสตมป์จัดหนักมูลค่า 3 บาท ครั้งแรกของประเทศไทยที่โดราเอมอนและผองเพื่อนจะแต่งกายด้วย “ชุดที่แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย” บนดวงแสตมป์
o นอกจากนี้ ยังสามารถนำแสตมป์7-Elevenร่วมบริจาคเข้าโครงการบุญนิธิแสตมป์เซเว่นเพื่อสาธารณกุศลทุกภูมิภาค โดยบริจาคได้ที่ร้านเซเว่นฯทุกสาขา และ ผ่าน 7App
o แคมเปญ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ…ก็หลงรัก” เริ่มแจกแสตมป์ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม ถึง 23 พฤศจิกายน 2567 และสามารถแลกแสตมป์ได้ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2567
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมบน 7Application “ล่าลายแสตมป์ทั่วไทย รับคุ้มทุกเดือน” เพียงเป็นสมาชิก ALL member ร่วมสนุกสะสมล่าลายแสตมป์ให้ครบทั้ง 77 จังหวัด รับ M-Stamp มูลค่า 77 บาท ทั้งนี้ สามารถพลิกดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ประเพณีและของดีทั่วไทยได้ง่ายๆบน 7App
นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ (ททท.) กล่าวถึง การผลักดันเสน่ห์ความเป็นไทยร่วมกับเซเว่น อีเลฟเว่น ในครั้งนี้ว่า ททท. ได้เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยเรายังคงสานต่อหัวใจสำคัญในการกระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยว (Drive Demand) ควบคู่กับการยกระดับ Supply เสริมศักยภาพของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ภายใต้การเสริมกำลังซึ่งกันและกันของทุกภาคส่วนแบบ 360 องศา (Partnership 360o) เพื่อมุ่งให้เกิดการเดินทางทันที กระตุ้นการใช้จ่าย พร้อมเสิร์ฟความสุขไปกับ แคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย”
การร่วมมือกับทางเซเว่น อีเลฟเว่น กับแคมเปญยิ่งใหญ่ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ…ก็หลงรัก”จะเป็นอีกหนึ่งโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการออกเดินทางท่องเที่ยวและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ “เสน่ห์ไทย” ทั้งแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม ประเพณี อาหาร ทั้ง 77 จังหวัด ที่ล้วนแต่มีเอกลักษณ์ โดดเด่น และเป็น soft power ที่สะท้อนความเป็นไทยน่าสนใจ ผ่านดวงแสตมป์เซเว่นฯ และ
คาแรกเตอร์ “โดราเอมอน” ซึ่งจะทำให้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติได้เข้าถึงและรู้จักประเทศไทยในมิติต่าง ๆ มากขึ้น เหมือนการเชิญชวนให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวค้นหาของดีแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวแล้วยังช่วยกระจายรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้ดีขึ้นไปพร้อม ๆ กันด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ททท. กางแผนปี 68 ดึงต่างชาติเที่ยวทะลุ 40 ล้านคน สร้างรายได้ 3.4 ล้านล้าน
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวในงานประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ปี 2568 (Tourism Authority of Thailand Action Plan 2025 : TATAP 2025) ว่า ททท.ตั้งเป้าหมายในปี 2568 สร้างรายได้รวมเพิ่มจากที่ทำได้ในปี 2567 ไปอีก 7.5%