'คลัง' ฟุ้งส่งออก-ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจ

ไปกันต่อ!!! “คลัง” ฟุ้ง ส่งออก-ท่องเที่ยว พระเอกช่วยเข็นเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค. 67 โตต่อ จับตาลงทุนเอกชนใกล้ชิด เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคแผ่วหลังกังวลเศรษฐกิจชะตัว-ค่าครองชีพยังสูง

29 ส.ค. 2567 – นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค. 2567 ว่า เศรษฐกิจได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 3.10 ล้านคน ขยายตัว 24.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และ สปป. ลาว ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 22.0 ล้านคน ขยายตัว11.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ขณะที่การส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัวได้ในระดับสูง โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 25,720.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 15.2% จากการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น ส่วนการส่งออกน้ำตาลทราย และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ปรับตัวลดลง โดยเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดอินเดีย สหรัฐฯ อาเซียน (9) และจีน ด้านตลาดตะวันออกกลาง หดตัว -3.7% และทวีปออสเตรเลีย หดตัว -2.8%

ส่วนการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน11.4% ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 57.7 จากระดับ 58.9 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น ส่วนรายได้เกษตรกรที่แท้จริง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 5.0% ด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากสะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 13.8% ขณะที่ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -12.0%

สำหรับภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -1.4% ตามการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ยางพารา และมันสำปะหลัง ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 89.3 จากระดับ 87.2 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในประเทศในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและยา อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยกดดันจากกำลังซื้อผู้บริโภคยังอ่อนแอจากปัญหาหนี้สินที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ก.ค. 2567 อยู่ที่ 0.83% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.52% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2567 อยู่ที่ 63.5% ต่อจีดีพี ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2567 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 230.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เพิ่มเพื่อน