“คลัง” มั่นใจเศรษฐกิจไทยฉลุย ปักธงจีดีพีครึ่งปีหลังโต 2.3-2.8% ฟุ้งรัฐบาลเตรียมอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเต็มพิกัด เข็น Entertainment Complex ดูดเงินลงทุน โปรยยาหอมจ่อหั่นภาษีดึงต่างชาติ พร้อมแจงรับทุกความเห็น ยกคอมเม้น “ทักษิณ” ทรงคุณค่า
28 ส.ค. 2567 -นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ : “Embracing Change, Lgniting Growth : ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง จุดพลังการเติบโต” ในงาน Thailand Focus 2024 : Adapting to a Changing Worldว่า ในทศวรรษที่ผ่านมาประเทศไทยได้พิสูจน์แล้วว่าเราสามารถข้ามผ่านความท้าทายทางเศรษฐกิจได้ เพราะเรามีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในปีที่ผ่านมาการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไม่ดีเท่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก แรงกระแทกจากการเมือง และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่ไทยก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจนสามารถบ่มเพาะการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ โดยตัวเลขล่าสุดจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่นำโดยการบริโภคภาคเอกชนและประชาชน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ทำให้สามารถคาดหวังการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 2.3-2.8% ในครึ่งปีหลังนี้ได้ และรัฐบาลจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายภาครัฐอีกด้วย
โดยรัฐบาลได้สร้างแรงจูงใจจหลากหลายให้กับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้แสดงให้เห็นว่ามีการก่อตั้งธุรกิจเพิ่มมากถึง 64% ซึ่ง 63% นั้นเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะเดียวกันรัฐบาลมีมาตรการหลากหลายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลงทุนทางการเงินที่มีพัฒนาการในหลายแง่มุม ทำให้ผู้ลงทุนมองเห็นว่าประเทศไทยน่าลงทุนมากขึ้น หรือกองทุนวายุภักษ์ที่จะเปิดในปีนี้ เป็นมาตรการที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตยั่งยืน รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลจะนำมาปัดฝุ่นใหม่
นอกจากนี้ ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมมูลค่าสูงและพลังงานสีเขียว ซึ่งภาคการท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมหลักของไทย โดยเฉพาะนโยบาย Entertainment Complex ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในขณะนี้ เพราะเป็นการรวมความบันเทิงอันหลากหลาย เช่น Concert Halls และกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ไว้ในสถานที่เดียว
“พูดในหลักการ คือเราต้องการดึงดูดเม็ดเงิน เป็นหลักการง่าย ๆ เป็นกรอบกว้างของแนวคิดของเศรษฐกิจที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการดึงดูดเม็ดเงินก้อนใหม่เข้าประเทศ ผ่าน Entertainment Complex ไม่ว่า ไฟแนนซ์เชียล ฮับ, ศูนย์กลางทางการบิน (Aviation Hub) เป็นต้น เหมือนเป็นน้ำในเศรษฐกิจที่จะเพิ่มมากขึ้น ส่วนรายละเอียดของ Entertainment Complex อยากให้รอแถลงนโยบายจากรัฐบาล น่าจะเหมาะสมมากกว่า และคิดว่าอีกไม่นานจะมีความชัดเจน” นายเผ่าภูมิ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของไฟแนนซ์เชียล ฮับ นั้น กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาใน 2 ประเด็นหลักเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ด้วยการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งสิทธิประโยชน์ด้านภาษี เช่น income tax, corporate tax เป็นต้น ซึ่งจะต้องดึงดูดเทียบเท่าฮับของประเทศอื่น ๆ และสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษี อาทิ ความง่ายของการเข้าเมือง วีซ่า สิทธิประโยชน์ของแรงงานที่เข้ามา สิทธิประโยชน์การเข้ามาในพื้นที่ต่าง ๆ โดยทั้ง 2 ส่วนนี้จะต้องประสานกัน และอีกประเด็นคือ ecosystem โดยเฉพาะระบบไฟแนนซ์เชียลของประเทศที่จะต้องพัฒนาขึ้นเพื่อพร้อมดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ
“เรื่องภาษีจะต้องทำให้น่าดึงดูด ต้องมีการปรับให้เหมาะสม การลดอัตราภาษีต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนก็เป็นทางเลือกที่ดี เพื่อที่จะทำให้เอกชนหรือแรงงานที่จะเข้ามาได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี แต่เรื่องการปรับลดอัตราภาษีก็ไม่ใช่ตัวเดียวเท่านั้น ยังมีเรื่อง ecosystem อื่น ๆ ด้วย ที่จะต้องสร้างให้พร้อม เพราะฉะนั้นกระทรวงการคลังทำใน 2 มิติ คือ พิจารณาเรื่องอัตราภาษีที่เหมาะสม และทำ ecosystem ให้เหมาะสม โดยรัฐบาลพร้อมรับแนวความคิดของทุกฝ่ายมาพิจารณา รวมถึงแนวคิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า ความเห็นดังกล่าวจึงเป็นความเห็นที่ทรงคุณค่า ดังนั้นก็เป็นคุณค่าที่ดีที่เราจะต้องนำมาพิจารณา” รมช.การคลัง ระบุ
อย่างไรก็ดี ในส่วนของโครงการไฟแนนซ์เชียล ฮัปนั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังได้มีการตั้งคณะทำงานชุดใหญ่ขึ้นมา โดยหลังจากนี้จะเร่งเดินหน้าร่างกฎหมายการเงินใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 2 เดือนน่าจะเห็นรูปเห็นร่าง ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการค้ำประกันใหม่ ชื่อว่า NaCGA ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะตัวกฎหมายแล้วเสร็จ 95% แล้ว คาดว่าน่าจะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้เร็ว ๆ นี้