SCB EIC คาด กนง. จะเริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาส 4

กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 6 ต่อ 1 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% โดย 1 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นเดียวกับการประชุมครั้งที่แล้ว โดยเศรษฐกิจไทยในภาพรวมขยายตัวสอดคล้องกับที่ กนง. ประเมินไว้

22 ส.ค. 2567 – ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงกว่าที่ประเมินไว้บ้างจากปัจจัยด้านอุปทานและจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ดี SCB EIC ประเมินว่าการสื่อสารของ กนง. ในรอบนี้มีท่าที Dovish มากขึ้น จาก 3 ประเด็นหลัก ได้แก่

1. กนง. ประเมินว่าอุปสงค์ในประเทศมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า การบริโภคภาคเอกชนจะมีแนวโน้มชะลอลง และยังต้องติดตามว่าการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวแรงในไตรมาส 2 เป็นปัจจัยชั่วคราวมากเพียงใด

2. กนง. ให้ความสำคัญของการฟื้นตัวที่ไม่เท่ากันในแต่ละภาคส่วนเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่สินเชื่ออุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์หดตัว

3. กนง. เริ่มให้ความสำคัญกับการติดตามความเชื่อมโยงระหว่างพัฒนาการของเศรษฐกิจและภาวะการเงิน ซึ่งสะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นว่า ภาวะการเงินที่ตึงตัวขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยเฉพาะจากคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลง ซึ่งส่งผลให้มาตรฐานการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินเข้มงวดขึ้น และอาจกระทบกิจกรรมเศรษฐกิจตามมา

SCB EIC คาด กนง. จะเริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาส 4 และจะลดอีกครั้งในไตรมาส 1/2025 เพื่อช่วยผ่อนคลายภาวะการเงินในประเทศ หลังจากภาวะการเงินตึงตัวขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับความเปราะบางทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือนที่มีอยู่เดิม ส่งผลให้แรงส่งเศรษฐกิจไทยจากอุปสงค์ในประเทศแผ่วลงจะเห็นชัดเจนขึ้นในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยในปีหน้ายังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ทำให้นโยบายการเงินไทยจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทประคับประคอง Momentum ของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้ามากขึ้น

SCB EIC มองว่าพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นยังคงเป็นไปตามที่ กนง. ประเมินไว้ สะท้อนจากตัวเลขการขยายตัวของ GDP ไตรมาส 2 ที่ออกมาใกล้เคียงกับตลาดคาดการณ์ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาองค์ประกอบการขยายตัวจะเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอลงของแรงส่งอุปสงค์ในประเทศ สะท้อนว่าในระยะข้างหน้ามีความเสี่ยงที่อุปสงค์ในประเทศจะไม่สามารถเป็นแรงประคับประคองเศรษฐกิจได้เหมือนที่ผ่านมา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย และหากขจัดปัจจัยฐานและปัจจัยชั่วคราวจากราคาพลังงานและอาหารสดออกแล้ว อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานก็ยังอยู่ในระดับต่ำมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนแรงกดดันด้านอุปสงค์ในประเทศที่มีต่ำ สัญญาณการชะลอลงของอุปสงค์ในประเทศนี้ทำให้ SCB EIC มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2025 อาจขยายตัวต่ำกว่าที่ได้ประเมินไว้

ภาวะการเงินไทยโดยรวมอยู่ในระดับตึงตัว สะท้อนจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริง ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงกว่าในอดีตค่อนข้างเร็ว นอกจากนี้ ภาคครัวเรือนอาจเผชิญภาวะการเงินตึงตัวแรงกว่าภาคส่วนอื่น เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรฐานการให้สินเชื่อครัวเรือนของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ ที่ปรับเข้มงวดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ภาคครัวเรือนสามารถก่อหนี้ได้น้อยลงกว่าในอดีตมาก การเริ่มลดดอกเบี้ยในภาวะเช่นนี้จึงไม่ได้มีผลกระตุ้นการก่อหนี้มากจนน่ากังวล และไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการลดหนี้ในระบบเศรษฐกิจ (Debt Deleveraging) นอกจากนี้ สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปีจะเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากภาวะการเงินโลกมีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น ตามทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเผชิญความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้งในปีนี้ และความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจไทยที่สูงขึ้น SCB EIC จึงประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1 ครั้งปลายปีนี้เหลือ 2.25% และปรับลดอีกครั้งเหลือ 2% ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปีหน้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิชัย' ปัดไม่รู้เรื่องปั้น ครม.อุ๊งอิ๊ง1 วอนรอรัฐบาลใหม่สรุปแจกหมื่นบาท

“พิชัย” ปัดไม่รู้เรื่องอยู่่-ไม่อยู่ ครม.อุ๊งอิ๊ง1 พร้อมแจงรอรัฐบาลใหม่สรุปแจก 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อจะมีเส้นทางที่ดีที่สุดและเป็นไปตามกฎหมาย มองบาทแข็งโป๊กยังไม่น่ากลัว ชี้สะท้อนความเชื่อมั่้นตลาด เงินไหลเข้ามากขึ้น

แว่นท็อปเจริญ ประกาศปรับลดและ 'ล็อกราคา' ป้ายแว่นตาแบรนด์ดังทั้งประเทศ

แว่นท็อปเจริญ ประกาศ “ล็อกราคา” ครั้งใหญ่ ปรับลดและตรึงราคาป้ายสินค้าแว่นตาแบรนด์เนมชั้นนำแบบถาวร ชูกลยุทธ์การซื้อตรงจากเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ส่งต่อคุณภาพ และทำราคาเอาใจมหาชน ล็อก! พร้อมกันกว่า 2,100 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2567 นี้เป็นต้นไป

กระแสโซเชียล อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร นายกฯ คนที่ 31 วิเคราะห์เสียงสะท้อนจากชาวเน็ต

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยได้เสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ "อุ๊งอิ๊ง" เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ทำให้เธอกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นสตรีคนที่สองที่ดำรงตำแหน่งนี้ และเป็นบุคคลที่สามในตระกูล “ชินวัตร” ที่ได้นั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศไทย ส่งผลให้เกิดกระแสการพูดคุยและถกเถียงอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย

'สำนักงานสลากฯ' ปักธงออกรางวัลสัญจรงวด 1 ก.ย. ที่ร้อยเอ็ด

“สำนักงานสลากฯ” เตรียมพร้อมออกสลากสัญจร งวดวันที่ 1 กันยายน 2567 ที่จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ารับชมการออกรางวัล เพื่อไม่ให้หลงเชื่อข่าวลือเลขเด็ดจากมิจฉาชีพหลอกลวง ต้มตุ๋นผ่านสื่อออนไลน์