สนข.ปักหมุดชง ครม.เคาะ 'แลนด์บริดจ์'

สนข.เร่งเครื่อง “แลนด์บริดจ์” มั่นใจโครงการเกิดขึ้นแน่นอนหลัง “ดูไบ จีน อเมริกา” สนใจลงพื้นที่ก่อสร้าง ปักหมุด เสนอครม. ในปีนี้ เริ่มตอกเสาเข็มปี69 คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี73

5 ส.ค. 2567 – นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้า  โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (ชุมพร- ระนอง) ในรูปแบบ One Port Two Sides ว่าหลังจากที่ผู้บริหารของบริษัทดูไบ พอร์ต เวิลด์  (DP World) ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์การขนส่งสินค้า ลงพื้นที่โครงการแลนด์บริดจ์ รวมถึงสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหรัฐอเมริกา ในส่วนของหน่วยงานที่ที่รับผิดชอบเรื่องผลการศึกษาค่อนข้างมั่นใจว่าโครงการเกิดขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งสอดคล้องกับนักวิชาการที่ให้ความเห็นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีท่าเรือฝั่งตะวักตก

“เหตุผลที่ว่า ทำไมมีนักลงทุนสนใจที่จะมาลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ เนื่องจากปัจจุบันพบว่ามีปัญหาระหว่างประเทศ ดังนั้นในหลายประเทศจึงต้องการความมั่นใจในการดำเนินการด้านธุรกิจให้เดินหน้าต่อท่ามกลางความขัดแย้งต่างๆ จึงเป็นสาเหตุว่ายังคงมีนักธุรกิจผู้ที่สนใจจะมาลงทุน หลักๆ ได้แก่ ดูไบ จีน สหรัฐอเมริกา ส่วนสาเหตุที่ดูไบให้ความสนใจเนื่องจากทราบว่าดูไบเวิลด์ มีกองเรือค่อนข้างเยอะ  แต่ไม่มีท่าเรือเป็นของตัวเองในช่องแคบมะละกา จึงเป็นสาเหตุว่าดูไบให้ความสนใจโครงการแลนด์บริดจ์ เป็นพิเศษ เนื่องจากสายเรือต้องการท่าเป็นของตัวเองเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า ขณะที่จีน พบว่าต้องการขนส่งสินค้าลงไปทางตอนใต้ให้สอดคล้องการการสร้างรถไฟของจีน”นายปัญญา กล่าว

ทั้งนี้ โครงการแลนด์บริดจ์ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปีนี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการให้ สนข. ดำเนินการเพื่อรับฟังความคิดเห็น  จ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาประกาศประกวดราคา (RFP)วงเงิน 45 ล้าน ใช้เวลา 2 ปี   และคาดว่าจะเปิดประมูลต้นปี2569 เริ่มก่อสร้างในปี 2569 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการในปี 2573

สำหรับรายละเอียดรูปแบบการลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ จะให้สิทธิผู้สนใจลงทุนมีสิทธิประมูลโครงการเป็น Single Package ในระยะเวลา 50 ปี ได้แก่ ท่าเรือ 2 แห่ง (ท่าเรือชุมพร และท่าเรือระนอง) โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อ ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางรถไฟ รวมทั้งพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม แต่สามารถร่วมกันลงทุนได้ในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) หรือการร่วมกันในลักษณะกลุ่มบริษัท (Consortium) รูปแบบการลงทุนจะเป็นรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบในการให้สิทธิประโยชน์แก่ภาคเอกชน พร้อมทั้งจัดหาพื้นที่และการเวนคืนให้สำหรับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ท่าเรือ เส้นทางเชื่อมโยงต่างๆ โดยภาคเอกชนผู้ลงทุนต้องเป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเองทั้งหมด และดำเนินการบริหารจัดการ

ทั้งนี้ จากการประเมินมูลค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเบื้องต้นที่ผู้ลงทุนต้องใช้ในการพัฒนาโครงการ มีมูลค่าลงทุนประมาณ 1.001 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็น ท่าเรือฝั่งระนอง ประมาณ 330,810 ล้านบาท ท่าเรือฝั่งชุมพร ประมาณ 305,666 ล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อ ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางรถไฟ รวมประมาณ 358,517 ล้านบาท (เป็นราคาประเมิน ณ ปี พ.ศ. 2566 โดยไม่ได้รวมเงินเฟ้อ) ซึ่งจากการประเมินอัตราผลตอบแทนภายในทางการเงิน (FIRR) ที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากโครงการในเบื้องต้น เท่ากับ 8.62% (กรณียังไม่มีการกู้ยืม) โดยมีระยะเวลาคืนทุนปีที่ 24 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโครงการมีความคุ้มค่ากับการลงทุน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ปลาหมอคางดำ' บุกอ่าวไทย ผ่าท้องพบลูกกุ้ง สมุทรปราการระบาดขั้นวิกฤติ

ชาวประมงพื้นบ้านจับปลาหมอคางดำได้นอกเขต 3 ไมล์ทะเล จับผ่าพบมีเคยอยู่ในท้องจำนวนมาก แจ้งนายกสมาคมประมง จ.สมุทรปราการ นำเรื่องเข้าที่ประชุมหารือแนวทางแก้ไขด่วน

ปูดรัฐบาลเหิมเกริมสั่งสื่อทีวีปิดปาก 'จตุพร' แลกผลประโยชน์ ปลุกปชช.ลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง

ปูดรัฐบาลเหิมเกริม สั่งสื่อทีวีปิดปาก 'จตุพร' แลกผลประโยชน์ หวั่นขุดความจริงประจาน ทำ ปชช.รู้ทัน จตุพร ลั่นพูดสื่อไม่ได้ต้องไปพูดผ่านเครื่องกระจายเสียง 'ทนายนกเขา' ปลอบ ปชช.เลิกสิ้นหวังกับตนเอง กระตุ้นลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง อย่าจมจ่อมกับแสดงพลังชุมนุม แนะแต่ละคนลงถนนแสดงฉันทามติ เชื่อเป็นพลังใหญ่ได้

ไทยดูแลปลอดภัย! ชาวเมียนมาหนีตายกว่า 200 คน อพยพข้ามชายแดนระนอง

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงจังหวัดระนอง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ม.5 บ.น้ำแดง ต.น้ำจืด อ.กระบุรี จ.ระนอง ซึ่งอำเภอกระบุรี เป็นอำเภอเขตติดต่อกับ