ทิสโก้คาด เงินทั่วโลกจ่อทะลักเข้าตลาดหุ้น EM  รับปัจจัยบวกดอลลาร์อ่อนค่า จาก Fed ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งปีนี้

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ลงทุนทิสโก้ (TISCO ESU) คาดธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งปีนี้ ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า หนุนเม็ดเงินทั่วโลกโยกเข้าตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ประกอบกับตลาดหุ้น EM มีปัจจัยบวกอีก 3 ประเด็น คือ 1 .เศรษฐกิจฟื้น 2. จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ 3. ราคาหุ้นค่อนข้างถูก 

31 ก.ค. 2567 – นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า TISCO ESU ยังคงมองว่าตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) เป็นตลาดหุ้นที่เหมาะสมกับการเข้าลงทุนในช่วงนี้ โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีจะเห็นเม็ดเงินจากทั่วโลกไหลเข้าตลาดหุ้น EM เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาอ่อนค่าจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกเริ่มเป็นขาลงอย่างชัดเจน นำโดยธนาคารกลางยุโรปเริ่มลดดอกเบี้ยไปแล้วในเดือนมิถุนายน ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คาดว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนกันยายน และจะลดดอกเบี้ยรวม 2 ครั้งในปีนี้ 

“TISCO ESU มองว่าจากอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงจนถึงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2564 ประกอบกับการจ้างงานชะลอตัวต่อเนื่อง ทำให้ Fed ต้องเริ่มพิจารณาลดดอกเบี้ยก่อนที่เศรษฐกิจจะชะลอลงจนเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย” นายคมศรกล่าว 

นอกจากนั้น ตลาดเกิดใหม่ยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมได้แก่ 1. เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น โดยนักเศรษฐศาสตร์เริ่มกลับมาปรับคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนั้นภาคการผลิตและส่งออกยังอาจได้รับแรงหนุนจากการเร่งนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ก่อนจะเกิดความไม่แน่นอนจากผลของกำแพงภาษีหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน

2. การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน โดยก่อนหน้านี้จีนได้ทยอยประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น มาตรการลดเงินดาวน์ ยกเลิกอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่ำ และการให้วงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจำนวน 3 แสนล้านหยวนให้กับรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อนำไปซื้อบ้านส่วนเกินในตลาด เพื่อพยุงราคาอสังหาริมทรัพย์ มาตรการดังกล่าวน่าจะช่วยเพิ่มความมั่นในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นต้นเหตุความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน และ 3. ระดับมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ค่อนข้างถูก โดยดัชนีหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซื้อขายในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตค่อนข้างมาก ซึ่งต่างจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งซื้อขายใกล้เคียงระดับแพงสุดเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นตลาดเกิดใหม่จึงน่าจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนกลับมาได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านดอกเบี้ยเป็นขาลงเช่นในปัจจุบัน

เพิ่มเพื่อน