“พิชัย” การันตี “ดิจิทัล วอลเล็ต” จำเป็น ฟุ้งไม้เด็ดสู้วิกฤติเศรษฐกิจไทย โอดจีดีพีโตสุดแผ่ว เคาะทั้งปี 2567 โตแค่ 2.4% ยังไม่พอ พร้อมเร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างปูพรมเติบโตระยะยาว จ่อเข็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคู่ขนาน
24 ก.ค. 2567 – นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่าวในการแถลงข่าว “ดิจิทัลวอลเล็ต โครงการเพื่อประชาชน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ววันนี้” ว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยตกต่ำมาเป็นระยะเวลายาวนานมากกว่า 15 ปี แต่ที่เห็นชัดเจนคือ 10 ปีที่ผ่านมาตกต่ำค่อนข้างมาก นำมาซึ่งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยปัจจุบันสูงกว่า 90% ของจีดีพี หรือคิดเป็นราว 16-17 ล้านล้านบาท จากทั้งหนี้ที่อยู่อาศัย หนี้ยานพาหนะ หนี้บัตรเครดิต และหนี้เพื่อการบริโภค ขณะที่มูลค่าจีดีพีของไทยอยู่ที่ใกล้ 19 ล้านล้านบาท ตรงนี้เป็นปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไขเพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจโตได้
ทั้งนี้ เสาหลักของประเทศที่กำลังประสบปัญหา คือ ประชาชน และผู้ประกอบธุรกิจ ทุกรัฐบาลจึงจำเป็นต้องสร้างหนี้เพื่อเข้ามาช่วยเหลือดูแลในส่วนนี้ ดังนั้นหนี้สาธารณะก็จะสูงขึ้นตามลำดับ โดยวันนี้หนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ 60% กว่าของจีดีพี และกำลังเห็นการเดินเข้าสู่กรอบวินัยทางการเงินการคลังที่ไม่เกิน 70% ของจีดีพี ซึ่งในอนาคตมูลค่าของจีดีพีน่าจะมีมูลค่า 20 ล้านล้านบาท ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีความสามารถก่อหนี้ได้ประมาณ 14 ล้านล้านบาทของจีดีพี แต่วันนี้มีการก่อหนี้ไปแล้ว 12 ล้านล้านบาท ถือว่าใกล้แล้ว และเหลือกระสุนอีกไม่เยอะแล้ว
“รัฐบาลเคยประกาศนโยบายนี้ไว้เมื่อ 10 เดือนก่อน และวันนี้ผ่านมาก็ขอยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลเห็น สิ่งที่รัฐบาลคิด หรือสิ่งที่รัฐบาลวิเคราะห์ มันใช่จริง อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกโตได้ที่ 1.5% เมื่อเทียบกับการเติบโตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีช่วงโควิด-19 อยู่ราว 2 ปี เศรษฐกิจไทยโตได้เฉลี่ย 1.9% ค่อนข้างต่ำสำหรับประเทศอย่างเรา โดยในปีนี้สิ่งหนึ่งที่อาจจะกล่าวอ้างได้ว่ามาจากงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า แต่ได้รับการยืนยันจากผู้รู้ทางเศรษฐกิจอย่างดีแล้วว่า ปี 2567 เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวได้ราว 2.4% เท่านั้น คือเศรษฐกิจยังโตได้ แต่ก็โตไม่พอ รายได้ก็คงจะโตไม่พออยู่ดี เพราะติดปัญหาเชิงโครงสร้าง” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวอีกว่า เรื่องปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ โดยช่วงระยะสั้นที่อยู่ระหว่าการแก้ไขก็ต้องมีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชน ซึ่งถือเป็นซอฟท์แวร์ เป็นเสาหลักของประเทศ อีกส่วนคือภาคธุรกิจ ที่เป็นคนสร้างกำลังการผลิตของประเทศ ดังนั้นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงต้องทำควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเสาหลักของประเทศด้วย นั่นหมายถึงนโยบายการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อแก้วิกฤติ แม้ว่าวันนี้ใครจะบอกว่าเศรษฐกิจยังไม่วิกฤติ วิกฤติต้องเกิดขึ้นแบบทันที ตื่นมากลางดึกแล้วตกใจ แต่สำหรับเศรษฐกิจไทยตอนนี้ไม่ต้องตื่นเราก็เจอวิกฤติแล้ว
ดังนั้น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และสามารถผลิตสินค้า-บริการที่ตอบสนองความต้องการของโลกใบนี้ได้ และยังถือเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ที่เชื่อมั่นว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบเศรษฐกิจทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ รัฐบาลหวังว่าจะเห็นการสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4 ลูก ได้แก่ พายุหมุนลูกที่ 1 ระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก, พายุหมุนลูกที่ 2 ระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่, พายุหมุนลูกที่ 3 ระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ และพายุหมุนลูกที่ 4 เกิดการซื้อขายที่โปร่งใส กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยประชาชนเองทั่วประเทศไทย
อย่างไรก็ดี รัฐบาลยืนยันว่าจะยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีกหลายโครงการ ซึ่งจะดำเนินการอย่างคู่ขนานกันไป ทั้งนี้ เพื่อให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน
ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี
บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา