ลุ้นล้มใช้เงิน 'ธ.ก.ส.' อุ้มดิจิทัลวอลเล็ต

ลุ้นปิดประตูล้วงเงิน ธ.ก.ส. อุ้มดิจิทัล วอลเล็ต “คลัง-สำนักงบ” จ่อชงบอร์ดดิจิทัลชุดใหญ่ ใช้งบ 4.5 แสนล้านบาทซัพพอร์ต หลังประเมินคนแห่ลงทะเบียนไม่เต็ม 50 ล้านคน พร้อมเบรก “เครื่องใช้ไฟฟ้า-สินค้าอิเล็กทรอนิกส์-สมาร์ทโฟน” แห้ว

10 ก.ค. 2567 - นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ว่า สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง ได้มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแหล่งเงินที่จะใช้ในโครงการว่า อาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐแล้ว เนื่องจากตามข้อศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พบว่า การดำเนินโครงการใดของรัฐในอดีต เช่น คนละครึ่ง มียอดผู้ใช้สิทธิ์ไม่เกิน 90%

ดังนั้น ในส่วนโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งรัฐบาลยังยืนยันจะครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคนเช่นเดิม แต่กระบวนการในการเตรียมงบประมาณเพื่อรองรับการดำเนินการคงไม่เกิน 90% หรือใช้เงินประมาณ 4.5 แสนล้าบบาทเท่านั้น ซึ่งตามข้อเสนอมองว่าสามารถใช้วิธีการบริหารจัดการด้วยวิธีงบประมาณตามปกติได้ คือดำเนินการผ่านงบประมาณปี 2567 ที่จะมีการตั้งงบประมาณราว 1.6 แสนล้านบาท ประกอบด้วย งบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้าบาท และงบประมาณจากการบริหารจัดการในส่วนต่าง ๆ อีกราว 4.3 หมื่นล้านบาท และในปีงบประมาณ 2568 จะมีการตั้งงบประมาณ 2.8 แสนกว่าล้านบาท มาจากการตั้งงบประมาณ 1.52 แสนล้านบาท และจากการบริหารจัดการงบประมาณในส่วนอื่น ๆ อีกราว 1.32 แสนล้านบาท ซึ่งสุดท้ายเชื่อว่าจะเพียงพอรองรับการดำเนินการ

“เรายังตั้งเป้า 50 ล้านคนเช่นเดิม แต่จากประสบการณ์ในอดีตจะมีประชาชนมาลงทะเบียนไม่เต็มตามเป้าหมาย หลัก ๆ ไม่เกิน 90% สำนักงบประมาณและคลังจึงมีข้อเสนอให้ใช้กระบวนการในการบริหารงบประมาณแทนในวงเงิน 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งท้ายที่สุดหากต้องใช้เงินในโครงการน้อยกว่าที่ตั้งไว้ก็นำเงินส่วนที่เหลือไปใช้ในโครงการอื่นที่เป็นการพัฒนา หรือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศได้ แต่หากจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่าที่ตั้งไว้ ก็จะใช้วิธีการบริหารจัดการงบเอาเงินมาเติม ส่วนข้อสรุปว่าจะใช้เงินเท่าไหร่คงต้องรอดูยอดลงทะเบียนด้วยว่าจะเป็นเท่าไหร่ อาจจะ 48 ล้านคน งบตรงนี้ก็ครองคลุม ซึ่งตอนนี้วางแผนว่าจะปิดลงทะเบียนก่อนสิ้นเดือน ก.ย. นี้ ก็จะได้มาสรุปกันอีกทีว่าจะใช้กลไกในการบริหารงบเข้ามาดูว่าจะต้องใช้เงินบวกหรือลบจากที่ตั้งไว้” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลยืนยันว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จะออกได้แน่นอน ไม่มีอะไร ไม่มีความซับซ้อน ส่วนการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ยังไม่ได้สรุปในวันนี้ อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่คณะกรรมการดิจิทัลชุดใหญ่ ส่วนข้อสังเกตเรื่องการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโครงการนั้น มองว่าไม่มีใครคิดโครงการวันแรกแล้วออกเลย การดำเนินการไม่ได้สวยหรูเหมือนฝัน เมื่อปฏิบัติจริงก็ต้องเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เป็นความจำเป็นที่จะต้องทำให้ถูกต้องทั้งหมดด้วย

สำหรับรายละเอียดดังกล่าวยังเป็นเพียงข้อเสนอ ซึ่งจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 15 ก.ค. นี้ ซึ่งท้ายที่สุดจะมีข้อสรุป หรือข้อคิดเห็นอย่างไรคงขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม และจะมีการแถลงรายละเอียดเรื่องวันลงทะเบียน วิธีการ และช่องทางต่าง ๆ ในวันที่ 24 ก.ค. 2567 ส่วนการใช้เงิน ธ.ก.ส. ตามมาตรา 28 ซึ่งตามข้อเสนอระบุว่าอาจจะไม่มีความจำเป็นแล้วนั้น แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีข้อห่วงใยจากหลายฝ่ายในส่วนนี้ แต่ก็อยากยืนยันว่าหากต้องดำเนินการจริงก็ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมทั้งยืนยันว่าเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะถึงมือประชาชนภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน พร้อมยืนยันว่าข้อเสนอเรื่องการใช้วิธีการบริหารงบประมาณแทนนั้น อาจจะมีผลกับโครงการลงทุนตามงบลงทุนบ้าง แต่ไม่มีผลกระทบในเรื่องเกณฑ์ตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง

ทั้งนี้ ในส่วนของคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการยังเป็นไปตามเดิม คือ ต้องเป็นผู้มีอายุ 16 ปี กำหนดวันตัดสิทธิ คือ วันที่ 30 ก.ย. 2567หรือวันสุดท้ายของการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เกณฑ์รายได้วัดจากฐานข้อมูลเงินได้ของกรมสรรพากร ณ ปี 2566 ซึ่งสิ้นสุดไปแล้วเมื่อ 31 ธ.ค. 2566 กำหนดว่าจะต้องไม่เกิน 8.4 แสนบาท หรือมีเงินเดือนไม่เกิน 7 หมื่นบาท และต้องเป็นผู้มีเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาท ณ วันที่ 31 มี.ค. 2567 ส่วนสินค้า Negative List ได้ข้อสรุปแล้วว่า เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สื่อสาร ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ขณะที่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการและต้องการนำเงินออก จะต้องมีการผูกเบอร์โทรศัพท์แบบรายเดือนเข้ากับระบบด้วย นอกเหนือจากต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี เพื่อป้องกันหากมีปัญหาจะสามารถตามตัวได้ ส่วนแอปพลิเคชันที่จะใช้นั้น สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งยืนยันว่าจะเสร็จทันภายในปีนี้แน่นอน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวว่า ยืนยันว่าวันนี้จะมีเงินเพียงพอรองรับเท่ากับจำนวนประชาชนที่มาลงทะเบียนแน่นอน เพื่อให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ. เงินตรา ส่วนเงื่อนไขในโครงการทั้งหมดได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เงินมีการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากที่สุด

“เหตุผลที่เราไม่จ่ายเป็นเงินสด เพราะเมื่อเป็นเงินสดคนก็จะเอาไปเก็บในบัญชี จึงไม่มีทางที่เงินสดจะหมุนในระบบเศรษฐกิจ เงื่อนไขที่ออกแบบในโครงการนั้น เพราะรัฐบาลต้องการให้คนเร่งใช้จ่าย ให้เกิดอิมแพค เป็นเงื่อนไขที่ออกแบบมาเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจมากที่สุด และเป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย” นายเผ่าภูมิ กล่าว

นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า วงเงิน 1.3 แสนล้านบาท ที่จะใช้ในปีงบประมาณ 2568 นั้น จะมาจากการบริหารจัดการทางการคลังและวิธีงบประมาณ ซึ่งมีหลายวิธี เช่น การบริหารงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ ซึ่งจะต้องไปดูใกล้ชิดว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ ถ้าบริหารจัดการแล้วอาจจะมีส่วนที่ไม่สามารถใช้ได้ทันก็ปรับมาใช้ในส่วนี้ หรือบางรายการที่สามารถโอนเปี่ยนแปลงมาใส่ในรายการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่งมั่นใจว่าวงเงินดังกล่าวจะสามารถบริหารจัดการได้แน่นอน และไม่มีผลกระทบกับงบลงทุนให้มีการเปลี่ยนแปลง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ

นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน

ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี

บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา