“สรรพสามิต” เร่งสรุปยกเครื่องภาษีบุหรี่ เดินเครื่องถก 5 ส่วน ขึงเกณฑ์ต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เล็งชงเก็บอัตราเดียวเพื่อความเป็นสากล ขีดเส้นชัดเจนไม่เกิน ก.ย. 2567
10 ก.ค. 2567 -นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการศึกษาการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบ โดยเบื้องต้นจะให้เหลืออัตราเดียว เพราะจากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันมีเพียง 7 ประเทศทั่วโลกที่เก็บภาษียาสูบหลายอัตรา และเป็นแบบผสม ส่วนรายละเอียดยังต้องมีการหารือเพิ่มเติมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้เพื่อให้ได้ข้อสรุปปที่ชัดเจน ก่อนเสนอให้ฝ่ายนโยบายพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดภายใน ก.ย. 2567
สำหรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 อัตรา คือ การจัดเก็บตามมูลค่า โดยราคาขายปลีกที่ต่ำกว่า 72 บาท จัดเก็บภาษีในอัตรา 25% ของราคาขายปลีกแนะนำ ส่วนราคาขายปลีกที่มากกว่า 72 บาท จัดเก็บภาษีในอัตรา 42% ของราคาขายปลีกแนะนำ ขณะเดียวกันยังมีการจัดเก็บภาษีตามปริมาณอีก ที่ 1.20 บาทต่อมวน
ทั้งนี้ กรมฯ จะต้องมีการพิจารณาถึง 5 แนวทางสำคัญในการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบ ประกอบด้วย 1. ภาพรวมตลาดบุหรี่โลก ซึ่งปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีการปรับลดลงจริง เนื่องจากมีสินค้าเข้ามาทดแทน โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า 2. เกษตรกรผู้ปลูกใบยา โดยต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะทำอย่างไรให้เกษตรกรผู้ปลูกใบยาได้ประโยชน์อย่างแท้จริง 3. จะต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้รายได้ของกรมฯ ลดลงไปมากกว่านี้ 4. ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นมาตรฐานสากลกับนานาประเทศ และ 5. ต้องหารือกับสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องบุหรี่เป็นเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย
“จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหารือกับทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อหาความสมดุลของ 5 แนวทางนี้ อย่างเรื่องอัตรา ก็ต้องยอมรับผลการศึกษาที่เราได้ศึกษามาทั้งหมดแล้วว่า จากทั้งโลก มีเหลือแค่ 7 ประเทศที่มีการเก็บภาษีบุหรี่หลายอัตรา ซึ่งไทยคือ 1 ใน 7 ประเทศดังกล่าว ก็อาจจะต้องมาพิจารณาส่วนนี้ใหม่เพื่อให้มีความเป็นสากลมากขึ้น ส่วนทิศทางของการดำเนินการปรับโครงสร้างภาษีดังกล่าวนั้น ขอให้กรมฯ ไปหารือในรายละเอียดให้ครบก่อน แต่ทิศทางมีความชัดเจนอยู่แล้วว่าจะเป็นแนวทางไหน อัตราเท่าไหร่ แต่วันนี้ยังไม่อยากพูดเต็มปาก อยากไปคุยกับทุกฝ่ายก่อน และอยากให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด เพื่อความเป็นธรรม มาตรฐานสากล ซึ่งจะเร่งให้ได้ข้อสรุปภายใน ก.ย. นี้” นายเอกนิติ กล่าว