ดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอีQ2ร่วง เหตุต้นทุนพุ่ง กำลังซื้อหด หวังรัฐอัดมาตรการอุ้ม

welcome MD Pichit

“ธพว.” กางผลสำรวจดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอีไทย ไตรมาส 2 ร่วง หลังผู้ประกอบการกังวลต้นทุนพุ่ง เศรษฐกิจชะลอ กำลังซื้อลด หวังภาครัฐเร่งออกมาตรการอัดฉีดเงินเข้าระบบ-ปั๊มเงินลงทุนต่อลมหายใจ

4 ก.ค. 2567 – นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า ศูนย์วิจัยและข้อมูล ธพว. ร่วมกับ สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ ไตรมาส 2/2567 และคาดการณ์อนาคต จากการสำรวจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกประเภทอุตสาหกรรม จำนวนกว่า 500 ตัวอย่าง พบว่า ภาพรวมดัชนีเชื่อมั่นฯ ไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ระดับ 52.06 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านต้นทุนและปริมาณสินค้าคงคลัง

โดยปัจจัยกดดันสำคัญ ได้แก่ ด้านต้นทุนการประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังขาดความชัดเจน กำลังซื้อของลูกค้าที่ลดลง และประเด็นอื่นๆ เช่น ขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น

เมื่อแยกพิจารณาตามประเภทอุตสาหกรรม เอสเอ็มอีด้านการผลิต ประมาณ 55% มีความเชื่อมั่นสูงกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากไตรมาส 2/2567 เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศ และการส่งออก ทำให้ธุรกิจการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเชื่อมั่นว่า ผลประกอบการและสภาพคล่องของธุรกิจการผลิตจะดีขึ้น และเชื่อมั่นจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจการผลิตในภาคการเกษตร มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังคงมีความเชื่อมั่นต่ำที่สุด และต่ำกว่าธุรกิจอื่น เช่นเดียวกับในไตรมาสที่ 1/2567

ส่วนคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 3/2567) ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความเชื่อมั่นโดยภาพรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 58.60 เพิ่มขึ้นในเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะด้านผลประกอบการ จำนวนคำสั่งซื้อ ราคาขายของสินค้า สภาพคล่องของธุรกิจ และปริมาณการผลิต เนื่องจากคาดการณ์เศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านต้นทุนการประกอบการยังคงอยู่ในระดับเดิม

“จากผลสำรวจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจยังไม่สนับสนุนให้เอสเอ็มอีมีความเชื่อมั่นมากนัก และยังมีความกังวลด้านต้นทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับเอสเอ็มอียังต้องการมาตรการสนับสนุน เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อ และส่งเสริมต่อการประกอบธุรกิจให้เติบโต ดังนั้นในฐานะที่ SME D Bank มีบทบาทที่เป็นธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านบริการทั้งด้านการเงิน ที่มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อช่วยลดภาระ ผ่อนหนักเป็นเบา สามารถบริหารจัดการต้นทุนธุรกิจได้เหมาะสม เช่น สินเชื่อ Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้ ทำธุรกิจมา 1 ปีก็กู้ได้ วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6.50% ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 เดือน เป็นต้น” นายพิชิต กล่าว

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนอย่างทันท่วงที โดยมาตรการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มวิสาหกิจรายย่อย (Micro) และกลุ่มวิสาหกิจขนาดย่อม (Small) ต้องการมากที่สุด คือ มาตรการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ในขณะที่ กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลาง (Medium) ต้องการมาตรการเงินลงทุนยกระดับมาตรฐาน หรือปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

เพิ่มเพื่อน