'มนพร หนุนแจ้งเกิดท่าเรือบก ลุยดึงเอกชนเข้ามาร่วมทุน

“มนพร” ลั่นท่าเรือบก “โคราช”ต้องเกิดในยุคนี้ มั่นใจช่วยลดต้นทุนขนส่ง เชื่อมโยงบก – ราง – น้ำ ด้าน การท่าเรือเด้งรับเตรียมหาวิธีดึงเอกชนเข้ามาร่วมทุน

2 ก.ค. 2567 – นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดต้นทุนการขนส่งสินค้า รวมถึงให้การขนสินค้าสามารถเชื่อมโยงระหว่างกัน ทั้งบก น้ำ ราง อย่างครบวงจรผ่านท่าเรือบก  ดังนั้นจึงมีนโยบายที่จะเร่งพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งท่าเรือบกจะเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ขนมาจากรถบรรทุก หรือทางเรือ ทางราง ส่งต่อออกไปทางราง หรือ ทางน้ำ ต่อไป ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า จังหวัดนครราชสีมา เป็น 1 ใน 4 จังหวัดที่มีความเหมาะสมที่สุดในการพัฒนา Dry Port เพื่อยกระดับการขนส่งสินค้าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนและระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐบาล เนื่องจากมีความพร้อมด้านการเป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่เชื่อมต่อกับ สปป.ลาว ตอนใต้ และเมียนมา และยังมีศักยภาพที่จะสามารถเชื่อมโยงการขนส่งไปยังประเทศจีนได้ในอนาคต

ทั้งนี้ การพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ให้เกิดเป็นรูปธรรมนั้นจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าโลจิสติกส์ทั้งภายในและระหว่างประเทศที่ต้องขนส่งผ่านทางถนน เชื่อมต่อทางราง และทางน้ำผ่านท่าเรือบกสินค้าได้มีต้นทุนการขนส่งที่ต่ำกว่าการขนส่งทางถนนอย่างเดียว  นอกจากนี้ พื้นที่ยังครอบคลุมการขนส่งทั้งทางถนนและทางราง โดยอยู่ห่างจากท่าเรือแหลมบัง 320 กิโลเมตร ประกอบกับมีจุดแข็งที่สำคัญ คือ มีสินค้าส่งออกที่สำคัญทั้งสินค้าทางการเกษตร อาทิ แป้งมันสำปะหลัง ข้าว น้ำตาล และยังเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่เน้นการขนส่งภายในประเทศด้วย 

นางมนพร กล่าวต่อว่า ได้มอบให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เร่งสำรวจพื้นที่ภายในจังหวัดนครราชสีมาที่มีความเหมาะสมกับการพัฒนา Dry Port และผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยสนับสนุนการขนส่งหลายรูปแบบอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Transport) ที่จะช่วยลดปัญหาความแออัดจากการขนส่งสินค้าเข้า – ออกที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งหลักของประเทศในขณะนี้ ช่วยยกระดับการให้บริการให้สะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลาการรอคอย ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ รองรับการเติบโตด้านการขนส่งสินค้าผ่านทางเรือชายฝั่งและทางรถไฟที่จะเกิดขึ้นจากโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยรวม อันจะเป็นกลไกที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคต่อไป

ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวเพิ่มว่า จากการสำรวจพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ Dry Port บริเวณสถานีรถไฟบ้านกระโดน ตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมือง และบริเวณตำบลกุดจิก อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา รวมถึงการประชุมศึกษาแผนการดำเนินการความเป็นไปได้ของรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม ร่วมกับสถาบันชุณหะวัณเพื่อการพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน ในฐานะผู้จัดการโครงการพัฒนาท่าเรือบกในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และคณะที่ปรึกษาโครงการฯ พบว่า มีความเป็นไปได้ของรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมกับ กทท. ในการพัฒนา Dry Port 4 แนวทาง ได้แก่ รูปแบบพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (PPP) รูปแบบการลงทุนร่วมกับบริษัทเอกชน (Joint Venture) รูปแบบการใช้เงินลงทุนของ กทท. และรูปแบบอื่น ๆ แผนการลงทุน และการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นของโครงการฯ ที่อาจจะเกิดขึ้นในทุกมิติ โดยจะพิจารณาด้านความพร้อมในการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป

เพิ่มเพื่อน