คนไทยลุ้นค่าไฟงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 67 หลัง 'กกพ.' ชี้ยังต้องจับตาตัวแปรสะท้อนค่าเอฟที

กกพ.จับตาตัวแปรสะท้อนค่าเอฟทีงวดปลายปี ลั่นรวบรวมข้อมูลแล้วเสร็จต้นเดือน ก.ค. นี้ เผยต้นทุนราคาแอลเอ็นจีอ่อนตัวลง หวังเป็นผู้ประกาศข่าวดีแก่ประชาชน

25 มิ.ย. 2567 – นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยถึงแนวโน้มค่าไฟงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2567 ว่า ทิศทางราคาค่าไฟงวดปลายปีต้องติดตามติดตามตัวแปรต่าง ๆ ที่จะเข้ามา อาทิ สถานการณ์ต้นทุนราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) ในตลาดโลก ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติของไทย อัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาท รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ อย่างกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อการคำนวณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) จนสะท้อนต่อราคาค่าไฟที่ประชาชนต้องจ่าย จากงวดปัจจุบัน(พ.ค. – ส.ค. 67) อยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย โดยกกพ.จะเร่งรวบรวมข้อมูลต้นทุนทุกด้านเพื่อคำนวณค่าเอฟทีและประกาศรับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ช่วงต้นเดือน ก.ค. นี้

“ขณะนี้ราคาแอลเอ็นจีอยู่ระดับซอฟต์ คือ ประมาณ 12 เหรียญสหรัฐต่อล้านลูกบาศก์ฟุต ส่วนจะสามารถตรึงให้อยู่ระดับ 4.18 บาทต่อหน่วย หรือลดลงกว่านี้หรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ ขอดูองค์ประกอบจากทุกส่วนก่อน แต่ผมก็อยากจะเป็นผู้ประกาศข่าวดีให้กับประชาชนเช่นกัน และสำหรับกรณีภาคเอกชนต้องการให้ค่าไฟลดลงกว่านี้ อยากให้มองว่าไทยมีความมั่นคงไฟฟ้า เป็นไฟฟ้าคุณภาพ และตอนนี้เทรนด์ลงทุนทั่วโลกไม่ได้มองว่าค่าไฟต้องถูกหรือแพง แต่ควรมาจากการผลิตที่สะอาด เป็นไฟสะอาด เพื่อแข่งขันในตลาดโลกได้” นายพูลพัฒน์ กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการจัดทำไฟฟ้าสีเขียว(ยูทีจี) ขณะนี้ค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ซื้อที่ไม่เจาะจงโรงไฟฟ้า (ยูทีจี1) จะเป็นราคาค่าไฟฟ้าปกติ บวกค่า พรีเมียม 0.0594 บาทต่อหน่วย โดยไฟฟ้ามาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ประมาณ 1,300-3,500 กิกะวัตต์ต่อปี สัญญาปีต่อปี มีความชัดเจนแล้ว และรอจัดทำค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ซื้อที่เจาะจงโรงไฟฟ้า (ยูทีจี 2) แบ่งเป็น 2 ราคาตามโรงไฟฟ้าที่เข้าระบบ กลุ่ม A ราคา 4.5622 บาทต่อหน่วย และกลุ่ม B ราคา 4.5475 บาทต่อหน่วย สัญญา 10 ปี โดยไฟฟ้ามาจากโครงการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว 4,852.26 เมกะวัตต์ ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากศาลปกครองหลังมีผู้ร้องกลุ่มไฟฟ้าจากพลังงานลม

อย่างไรก็ตาม พบว่านักลงทุนทั่วโลกและนักลงทุนไทยต่างรอความชัดเจน โดยเฉพาะยูทีจี 2 ทั้งกลุ่มนักลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ อย่างแอมะซอน กูเกิ้ล ไมโครซอฟต์ และกลุ่มเอกชนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และอื่น ๆ สะท้อนว่ากลไกการค้าโลกกำลังมุ่งไปสู่พลังงานสะอาด ซึ่งกกพ.จะเร่งดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกนักลงทุน เป็นอีกกำลังสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนและเศรษฐกิจไทย

นายพูลพัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้นักลงทุนยังต้องการความชัดเจนจากรัฐบาล ทั้งมาตรการส่งเสริมให้บริษัทเอกชนซื้อขายไฟฟ้าพลังงานสะอาด และพลังงานทดแทนได้โดยตรงจากผู้ผลิตไฟฟ้า(ไดเรกต์ พีพีเอ) หากอนุมัติเดินหน้า กกพ.ก็พร้อมสนับสนุนและดำเนินการ 2 ส่วนหลัก คือ Third Party Access คือเปิดให้มีการซื้อขายไฟผ่านโครงข่ายของรัฐ และการจัดทำอัตราค่าบริการสายส่งไฟฟ้า (Wheeling Charge) ซึ่งทั้งหมดต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความมั่นคงระบบไฟฟ้าของไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง