ความสำเร็จของงาน Cosmoprof CBE ASEAN ครั้งที่ 3 ที่ปิดม่านลงไปเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ช่วยยกระดับให้ตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมความงามระดับโลก ด้วยจำนวนผู้ประกอบการร่วมงานกว่า 16,636 คน จาก 59 ประเทศครอบคลุมทุกภูมิภาค เพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนถึง 26% สะท้อนถึงการเติบโตของฐานผู้บริโภคและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงจำนวนผู้เข้าชมงานจากทั่วโลกที่เป็นตลาดสำคัญในเอเชีย อาทิ จีน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ อินเดีย และญี่ปุ่น ที่เพิ่มมากขึ้นถึง 28% ก็เป็นตัวเลขที่ยืนยันถึงการยอมรับในงาน Cosmoprof CBE ASEAN ว่าเป็นงานแสดงสินค้าชั้นนำที่ตอบโจทย์ความต้องการในการเข้าถึงเทรนด์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดอาเซียนและทั่วโลก
24 มิ.ย. 2567 – ตลอดช่วงเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ได้กลายเป็นพื้นที่รวมตัวกันของผู้นำเข้า ผู้ค้าปลีก ผู้จัดจำหน่าย และผู้ประกอบการมืออาชีพ กว่า 1,500 แบรนด์และบริษัท จาก 18 ประเทศทั่วทุกภูมิภาค พร้อมด้วย 4 พาวิลเลียนจากประเทศจีน อิตาลี เกาหลีใต้ และไทย ที่ได้เข้ามาร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์ความงาม ทั้งกลุ่มของวัตถุดิบคุณภาพจนถึงกลุ่มสินค้าสำเร็จรูป สะท้อนภาพรวมใหญ่ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมความงามทุกภาคส่วน
นอกจากนี้ ยังมีการร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ต่าง ๆ ภายในงาน ผ่านเวทีสัมมนา การศึกษา รวมถึงเวทีการประชุม World SPA & Well-being Congress 2024, CosmoTalks และการสาธิต Cosmo Onstage โดยผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ และผู้ประกอบการด้านต่าง ๆ รวมกว่า 500 คน ที่เข้ามาร่วมสรุปข้อมูลเชิงลึก ความท้าทายต่าง ๆ ซึ่งสามารถต่อยอดสร้างโอกาสในตลาดความงามที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
Cosmoprof CBE ASEAN ได้เชิญผู้ซื้อ 337 รายจากประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียน เอเชียแปซิฟิก และตะวันออกกลาง มาเข้าร่วมงานที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นอีกโครงการสำคัญเพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อด้านธุรกิจกันระหว่างผู้จัดแสดงและผู้ซื้อชั้นนำที่กว่า 45% มาจากต่างประเทศ โดยแต่ละแบรนด์ได้จัดการพบปะ B2B กันแบบส่วนตัว ผ่านแพลตฟอร์ม Match&Meet ซึ่งการพบปะยังช่วยเพิ่มให้แต่ละฝ่ายได้แบ่งปันความรู้และ Know-how ด้านอุตสาหกรรมความงามของแต่ละท้องที่อีกด้วย
“แพลตฟอร์มจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์หรือ Match&Meet เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเชื่อมต่อโอกาสทางธุรกิจกับแต่ละแบรนด์ความงาม ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถขยายตลาดได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนด้วยการพบกับลูกค้ากลุ่มใหม่” บรู๊ค เบอร์เก้ ผู้จัดการฝ่าย – จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงาม Ali Bin Ali (กาตาร์) กล่าว “การเข้าร่วม Cosmoprof CBE ASEAN เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เราได้มีโอกาสพูดคุยธุรกิจกับแบรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจหลายแบรนด์ โดยเฉพาะโอกาสในการได้ทำความรู้จักและพบปะกับแบรนด์ความงามจากในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย”
“ในฐานะผู้ซื้อที่มองหาโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ สำหรับใช้กับผลิตภัณฑ์ของเรา การเข้าร่วมงาน Cosmoprof CBE ASEAN ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะเราได้พบกับผู้ผลิตรายใหม่ ๆ รวมถึงการพูดคุยที่มีประโยชน์มากมาย อีกทั้งนี่ยังเป็นโอกาสที่จะได้พบกับตลาดที่แตกต่างออกไป และช่วยให้เราเข้าใจในองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับการทำตลาดในอาเซียน” จอร์เจีย เดล ฟาโบร ผู้ซื้อจาก Biofarma Group (อิตาลี) กล่าว
“Cosmoprof CBE ASEAN เป็นงานที่ยอดเยี่ยมและเกินความคาดหมายของเราอย่างมาก ทั้งการจัดงานและการดำเนินการที่ไร้ที่ติ รวมถึงมีผู้จัดแสดงจากหลายบริษัท ที่ช่วยกันสร้างเครือข่ายธุรกิจความงามในภูมิภาคที่ประเมินค่าไม่ได้ เราได้พบปะกับคู่ค้ารายใหม่ ๆ ซึ่งเราเชื่อว่ามีแนวโน้มที่ดีที่จะนำไปสู่ความร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีในอนาคต ขอชื่นชมทีมงานทั้งหมดสำหรับการจัดงานแสดงสินค้าที่ยอดเยี่ยมนี้ขึ้นมา” อัลเบิร์ต เหลียง ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อ Mentholatum (Asia-Pacific) Limited (ฮ่องกง) กล่าว
“Buyer Program เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมและดึงดูดให้เรามาเข้าร่วมงานนี้” เจสท์ หว่อง กรรมการผู้จัดการ Westwood Clinic (มาเลเซีย) กล่าว “โดยรวมแล้วเราพอใจและสนุกกับงานอย่างมาก ในงาน เราได้เจอกับข้อมูลที่น่าสนใจและผู้ขายที่มีคุณภาพ และยังมีเรื่องเกินความคาดหมายที่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์บางอย่างที่เราไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอ อีกทั้งขนาดพื้นที่จัดของงานก็สมบูรณ์แบบ รวมถึงการบริการและการจัดการงานก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม”
Cosmoprof CBE ASEAN 2024 มีการเติบโตที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะในภาพรวมของเทรนด์หลักในงานที่นำพาไปสู่การพัฒนาในอุตสาหกรรมความงามของภูมิภาคอาเซียน ทั้งการเติบโตของตลาดความงามทางการแพทย์และอาหารเสริม ซึ่งถือเป็นเทรนด์หลักของภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งยังมีการจัดพื้นที่แสดงสินค้าไฮไลต์ ทั้งในเรื่องเครื่องสำอางที่ผลิตในประเทศไทย, แบรนด์ไทยพรีเมี่ยม, การเข้าถึงรูปแบบความงามที่เป็นอัตลักษณ์ของไทย ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงมีเวที ที่ช่วยให้ผู้เล่นชั้นนำในอุตสาหกรรมได้มานำเสนอประสบการณ์และประสิทธิภาพของสินค้าและบริการต่าง ๆ ให้กับผู้จัดแสดงที่เข้าร่วมงานในปี 2567 นี้อีกด้วย
“เป็นครั้งแรกที่เราเข้าร่วมงาน Cosmoprof CBE ASEAN ที่กรุงเทพฯ” คาทาริน่า ปาเชโก้ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Scents from Nature (โปรตุเกส) ให้ความเห็น “ในฐานะผู้ผลิตน้ำมันหอมระเหย เราพยายามเข้าสู่ตลาดอาเซียน ซึ่งเราได้ผลตอบรับที่ดีและมีการติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญที่สุดคือลูกค้าคุณภาพส่วนใหญ่ที่เราพบเจอ ไม่ได้มีเพียงแต่ประเทศไทย แต่ยังมาจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย และออสเตรเลีย อีกด้วย”
“เราประทับใจคุณภาพระดับชั้นนำที่เราได้รับจากงาน Cosmoprof CBE ASEAN” กาเบรียล ราดูเลสคู ผู้จัดการฝ่ายขาย Of The Islands (เนเธอร์แลนด์) กล่าว “ในฐานะที่มาเป็นผู้จัดแสดงสินค้าครั้งแรก เราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ผลตอบรับที่ดีขนาดนี้ ซึ่งการมาที่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตและต้องการผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพใหม่ ๆ ช่วยให้ธุรกิจของเราเป็นที่ตอบโจทย์ในงาน Cosmoprof CBE ASEAN ในฐานะผู้ผลิตคุณภาพจากภาคส่วนงานสปาและสุขภาพ”
“การเข้ามามีส่วนร่วมในงาน Cosmoprof CBE ASEAN สร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับบริษัทอย่างมาก และเรายังได้รับความสนใจที่เกินความคาดหมายอีกด้วย” อลิซ โทนิเนลลี ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Beauticon Valley Holding (อิตาลี) กล่าว “เราได้รับการติดต่อจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เราได้รับประสบการณ์ที่มีคุณภาพ และยังช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้เราในตลาดที่เข้าถึงได้ยาก อาทิ บรูไน เนปาล และอาเซอร์ไบจาน”
“หลังจากเข้าร่วมงาน Cosmoprof CBE ASEAN สองปีติดต่อกัน เรารู้สึกได้ถึงความเป็นมืออาชีพของผู้เข้าร่วมงานที่มีมากขึ้น” เคลลี่ เฉิง ผู้ก่อตั้ง High’s Personal Care Products Limited (จีน) กล่าว “ที่งานนี้ เราได้พบกับลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์ อินเดีย และดูไบ รวมไปถึงผู้ซื้อชั้นนำจากฝรั่งเศส ซึ่งเราคาดหวังว่าจะได้พบปะเพิ่มเติมกับลูกค้าเหล่านี้เพื่อสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นต่อไป”
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน บนพื้นที่กว่า 4.5 ล้านตารางกิโลเมตร พร้อมมีจุดแข็งด้านเศรษฐกิจจากข้อตกลงการค้าเสรีกับ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ซึ่งประเทศไทย ที่เป็น 1 ใน 10 ประเทศสมาชิกในอาเซียน นับเป็นประเทศที่มีผู้ผลิตในอุตสาหกรรมความงามมากที่สุดในภูมิภาค โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม OEM/ODM และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการผลิตให้กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามในตลาดหลัก เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เนื่องจากข้อเสนอทางการค้าระยะเวลาสูงสุดถึง 8 ปี ที่รัฐบาลไทยนำเสนอต่อแบรนด์สำอาง ด้วยการได้เข้าถึงส่วนผสมและวัตถุดิบคุณภาพสูงได้ง่าย และต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ดี ภูมิภาคอาเซียนจึงถูกคาดว่าจะยังคงเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดต่อเนื่องถึงทศวรรษข้างหน้า โดยสำหรับประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียนอยู่แล้ว มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นตลาดเกิดใหม่ชั้นนำระดับโลก โดยมี GDP คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 เป็น 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2578 ด้านประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์ ก็คาดว่าจะเข้าร่วมเป็นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญภายในปี 2578 นอกจากนี้ ประเทศมาเลเซีย ก็กำลังจะกลายเป็นตลาดเศรษฐกิจขั้นสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมี GDP ต่อหัวประมาณ 26,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2578 ด้วยเหตุนี้ อาเซียน รวมถึงจีนแผ่นดินใหญ่และอินเดีย จึงถูกนับว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในทศวรรษหน้า