“ภูมิธรรม” ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการ อคส. ขีดเส้น 7 วัน เคลียร์ประเด็นข้อสงสัย “วีเอท” ให้จบ ทั้งการเป็นนอมินี การฮั้ว และเรื่องเงินทุน หากชัดเจนแล้ว คลายข้อสงสัยแล้ว เสนอคณะกรรมการดำเนินการขั้นต่อไปได้ทันที เผยหากมีปัญหา ทีโออาร์ให้เรียกที่ 2 และ 3 มาต่อรองได้ ก็ทำไป แต่ถ้าไม่ ก็เปิดประมูลใหม่ เพื่อให้ประเทศได้ผลประโยชน์สูงสุด
24 มิ.ย. 2567 -นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ปริมาณ 1.5 หมื่นตัน ว่า ขณะนี้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ยังไม่ได้ประกาศผลการเปิดประมูล เพราะผู้ยื่นประมูลและให้ราคาสูงสุด คือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่เสนอราคาซื้อสูงสุดกิโลกรัม (กก.) ละ 19.070 บาท ยังมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการเป็นนอมินี การฮั้วประมูล และเรื่องทุนจดทะเบียนบริษัทที่มีเพียง 2 ล้านบาท งบดุลปีละ 1 ล้านกว่าบาท และเมื่อดูทั้งหมดยังมีการติดลบอีก 3 ล้านบาท ทำให้เกิดข้อสังสัยว่าจะดำเนินการซื้อข้าวได้จริงหรือไม่ จึงต้องคลายความสงสัยให้จบ
ทั้งนี้ ตนได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการ อคส. เพราะเข้าไปดำเนินการต่าง ๆ เองไม่ได้ แต่มีหน้าที่ในการกำกับดูแล ก็ขอให้ไปตรวจสอบเรื่องทั้งหมด โดยให้เวลา 7 วัน ต้องดูว่าข้อกล่าวหา ข้อสงสัยอยู่ตรงไหน อย่างไร ขอให้ผู้อำนวยการ อคส. ไปทำให้ชัดเจน เพราะมีอำนาจเต็ม ถ้าชัดเจนแล้ว ก็รีบดำเนินการขั้นต่อไป ถ้าไม่มีอะไร ไม่มีเรื่องราวอะไรให้สงสัย และสิ้นสงสัยแล้ว ราคา 19 บาท ก็ถือว่าสูง ก็สามารถประกาศได้ เป็นเรื่องที่คณะกรรมการจะพิจารณา
“ตอนนี้ ไม่ต้องการให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าเป็นการฮั้วกันของรัฐบาล ถ้าตรวจสอบแล้ว ไม่มี ก็ปล่อย ถ้าตรวจแล้วมี เป็นนอมินีจริง หรือไม่มั่นใจว่าจะขายของได้ คณะกรรมการก็ต้องพิจารณา โดยขณะนี้ ผู้ยื่นประมูลรายที่ 1 อยู่ในขั้นต่อรอง แต่ที่ 1 ถูกวิจารณ์ เล่นละคร ฮั้วกันมา ก็ต้องให้ ผอ.อคส. ไปตรวจสอบตรงนี้ซะ ไม่ให้ประชาชนสงสัย เมื่อไม่มีปัญหาอะไร แล้ว ก็ดำเนินการตามทีโออาร์ ตามกฎหมายต่อได้เลย เพราะผมต้องทำให้โปร่งใส ทำให้เป็นไปตามทีโออาร์ อยู่ที่บริษัท วีเอท ต้องพิสูจน์ตัวเอง แล้วคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณา”นายภูมิธรรมกล่าว
สำหรับกรณีที่วีเอท ทำหนังสือยืนยันการเสนอราคากับ อคส. ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ยังไม่ได้ต่อรอง ยังไม่ได้เรียกเบอร์อื่น ๆ มาเจรจา ถ้าเขายืนยัน เราพอใจ และพิสูจน์ได้ว่าไม่มีปัญหานอมินี ไม่มีปัญหาการบริหารจัดการข้าวที่ประมูล ก็ปล่อยไป ถ้าพบว่า มีปัญหา ไม่ถูกต้อง ผิดทีโออาร์ ก็ต้องให้คณะกรรมการพิจารณาอย่างเคร่งครัดตามทีโออาร์ ตามกฎหมาย ถือเป็นไปตามกระบวนการ เขารู้อยู่แล้ว ต้องทำอะไรบ้าง
ส่วนการเรียกรายอื่นมาเจรจาต่อรอง ต้องไปดูทีโออาร์ว่าให้ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ ก็เรียกรายอื่นมาเจรจาต่อรองได้ ถ้ารายที่ 1 มีปัญหา แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องเปิดประมูลใหม่ ตอนนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ จะเป็นผู้พิจารณา ทั้งเรื่องที่มีการตั้งข้อสงสัย และขั้นตอนการปฏิบัติตามทีโออาร์ เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ จึงต้องทำให้ดีที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลยันผู้ปลูกมันสำปะหลังไม่ถูกกดราคาแน่
รัฐบาลให้ความเชื่อมั่นผู้ปลูกมันสำปะหลัง เตือนพ่อค้ากดราคา โทษจำคุกสูงสุด 7 ปี จัดสายตรวจเฉพาะกิจ ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายมันฯ ในแหล่งเพาะปลูกทั่วประเทศ รับฤดูเก็บเกี่ยวที่จะเริ่ม ธ.ค.นี้