6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงจับมือร่วมกันพัฒนาภูมิภาค

“รัดเกล้า” เผย อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ร่วมผลักดันประเด็นที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันในด้านต่าง ๆ

23 มิ.ย. 2567 – นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ [Greater Mekong Subregion (GMS)] ครั้งที่ 26 ได้ให้การรับรอง (โดยไม่มีการลงนาม) ร่างเอกสารทั้ง 2 ฉบับ ได้แก่ (1) ร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ 26 และ (2) ร่างข้อเสนอแนวคิดสำหรับการยกร่างยุทธศาสตร์นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง พ.ศ. 2573 ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 12 ธันวาคม 2566 เรียบร้อยแล้ว โดยที่ประชุมได้มีการแก้ไขเอกสารจำนวน 1 ฉบับ (ร่างข้อเสนอแนวคิดฯ) ในส่วนของรายละเอียด ซึ่งสาระสำคัญของเอกสารไม่แตกต่างจากฉบับที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอผลการประชุมฯ ดังกล่าวให้ที่ประชุม ครม. (18 มิถุนายน 2567) รับทราบ และเห็นชอบมอบหมายภารกิจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ ซึ่งในการประชุมฯ ดังกล่าว รัฐมนตรีหรือผู้แทนของประเทศลุ่มน้ำโขงได้มีข้อเสนอ/ข้อคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้

  1. ประเทศไทย
    1) ให้เร่งขยายการลงทุนในนวัตกรรมเพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีดิจิทัล และเงินทุนสีเขียวในภาคส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ อาทิ การเกษตร การท่องเที่ยว
    (2) เร่งจัดตั้งสำนักงานการท่องเที่ยวอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน
    (3) สนับสนุนให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานอย่างยั่งยืนผ่านการพัฒนาตลาดพลังงานระดับภูมิภาค การใช้พลังงานหมุนเวียน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และโครงข่ายไฟฟ้าแบบสมาร์ทกริด (Smart Grid)
    (4) เน้นย้ำความสำคัญของการผลักดันความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CBTA) ไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ราชอาณาจักรกัมพูชา
    (1) ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการศึกษาต่าง ๆ ภายใต้แผนงาน GMS ที่ดำเนินการแล้วเสร็จและกำลังดำเนินการอยู่ เนื่องจากจะนำไปสู่การวางกรอบการดำเนินงานและแผนปฏิบัติการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
    (2) เน้นย้ำถึงความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคเพื่อรับมือความท้าทายร่วมกันและใช้ประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างกัน
    (3) ส่งเสริมความเชื่อมโยงทางกายภาพและดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
  3. สาธารณรัฐประชาชนจีน
    (1) ควรให้ความสำคัญต่อเวทีหารือระดับผู้ว่าราชการจังหวัดในระเบียงเศรษฐกิจ GMS เนื่องจากเป็นกลไกการมีส่วนร่วมของรัฐบาลระดับท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดึงดูดการลงทุนในอนุภูมิภาค
    (2) เนันย้ำว่าการจัดตั้งเครือข่ายองค์ความรู้ควรส่งเสริมให้สถาบันวิจัยและองค์กรคลังสมองในระดับท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด
  4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมการมีส่วนร่วมในระดับรัฐบาลท้องถิ่น และการค้าการลงทุน ที่จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงและพัฒนาไปสู่ความเป็นประชาคมร่วมกันของแผนงาน GMS
  5. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประเทศสมาชิกควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและแบ่งปันข้อมูลผลการดำเนินงานระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ
  6. เมียนมา เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือภายใต้แผนงาน GMS
    โดย สศช. เห็นว่า การขับเคลื่อนการดำเนินการตามผลของการประชุมดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อผลักดันประเด็นที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันของอนุภูมิภาคในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงควรมอบหมายภารกิจหน่วยงานเพื่อขับเคลื่อนตามผลการประชุมฯ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลชื่นชม 'ลิซ่า' สำนึกรักบ้านเกิด โปรโมต 'เยาวราช' หนุนท่องเที่ยวไทย

รัฐบาลชื่นชม 'ลิซ่า' แบบอย่างที่ดีของเยาวชนไทย ใช้เยาวราชในผลงานล่าสุด แสดงออกสำนึกรักบ้านเกิด ชูศักยภาพ ส่งเสริม Soft Power ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทย

รัฐบาลชวนคนไทย นับถอยหลังอีก 2 วัน ร่วมฉลอง 'ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม'

“รัดเกล้า” ชวนคนไทย นับถอยหลังอีก 2 วัน 18 มิ.ย. ร่วมฉลอง “ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม” ใกล้เข้าเส้นชัย สู่ความเป็นจริงที่สมบูรณ์

ครม.รับทราบ 10 มาตรการรับมือฤดูฝน 2567

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2567

รัฐบาลปลื้มดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมกลับมาเป็นบวกในรอบ 18 เดือน

“รัดเกล้า” เผย MPI เดือนเม.ย. ขยายตัวร้อยละ 3.43 อยู่ที่ระดับ 90.34 ขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 18 เดือน ผลจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว

รองโฆษกปัดข่าวแข่งขัน 'รถไถนาไทย' เป็นซอฟพาวเวอร์ ย้ำโฟกัสที่ F1

“รัดเกล้า” แจง นโยบายรัฐยังไม่มีไอเดียนำรถไถนาไทยเข้าแข่งขันเป็นซอฟพาวเวอร์ไทยสู่สายตาโลก ขอประชาชนอย่าเข้าใจผิด ย้ำ ไปอิตาลีครั้งนี้ การดึงการแข่งขั้น F1 มาไทยมีความคืบหน้า

ครม.อนุมัติมอบโบราณวัตถุ 20 รายการ คืนให้กัมพูชา

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. มีมติอนุมัติให้ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยกรมศิลปากร มอบโบราณวัตถุ 20 รายการ คืนให้ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีของความตกลงทวิภาคี