“จุลพันธ์” รับการเมืองร้อนระอุขย่มดัชนีตลาดหุ้นไทยดิ่งต่อเนื่อง มั่นใจแค่ช่วงสั้น หลังสถานการณ์ชัดเจนคลี่คลาย ตลาดทุนจะกลับมาเป็นปกติ ยันคลังเร่งหามาตรการปลุกเชื่อมั่น กระตุ้นการลงทุน ส่วน LTF ยังอยู่ระหว่างหารือรายละเอียด
17 มิ.ย. 2567 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวถึงกรณีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ว่า หลัก ๆ คงเป็นประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ โดยเฉพาะจากสถานการณ์ทางการเมือง เพราะในเดือน มิ.ย. นี้ มีปัจจัยทางการเมืองหลายอย่างที่เข้ามาพร้อมกัน ก็อาจจะทำให้เกิดความลังเล และความสงสัยในหมู่นักลงทุนในระดับหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย มีความชัดเจนในทิศทางต่าง ๆ มากขึ้น ก็เชื่อว่าสถานการณ์ทางด้านการค้าและการลงทุนจะกลับมาเป็นปกติได้
“สิ่งสำคัญของตลาดหุ้นตอนนี้ คงเป็นเรื่องความเชื่อมั่นของนักลงทุน เดือนนี้ก็อย่างที่เห็นสื่อประโคมข่าวกันว่ามีปัจจัยทางการเมืองหลายอย่างที่เข้ามาพร้อมกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อตลาดทุน ซึ่งเราก็รับทราบกันดี แต่ภาวะการณ์ทางการเมืองก็เป็นอย่างที่เห็น และผมเชื่อว่าอีกไม่กี่วันสถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี รัฐบาลก็มีความเชื่อมั่นแบบนั้น” รมช.การคลัง ระบุ
ทั้งนี้ ขณะนี้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง กำลังเร่งพิจารณาสร้างกลไกและหาช่องทางในการกระตุ้นและสร้างความเชื่อมั่นในการสนับสนุนการลงทุนให้กับตลาดทุนไทยที่มีความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาเรื่องกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หรือกองทุนรวมส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย (Thai ESG) เหล่านี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
โดยปัจจุบันสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ไม่ใช่แค่เพียงการปรับพื้นฐานในระยะสั้น แต่เป็นการสนับสนุนในระยะกลางและระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุน โดยการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาศักยภาพแรงงาน เหล่านี้เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว และจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศต่อไป
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งบุคคลากรด้านตลาดทุน ว่า ยืนยันว่ารัฐบาลมีความโปร่งใส แต่เรื่องนี้อยู่นอกเหนือการกำกับของตน ส่วนประเด็นเรื่องการแต่งตั้งเลขานุการ รมช.การคลังนั้น ทันทีที่ทราบเรื่องก็ได้แสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ โดยมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขอย่างทันทีภายใน 1 วัน ตรงนี้จึงไม่มีประเด็นอะไร ส่วนกระบวนการทำงานต่าง ๆ ไม่ได้มีการเข้าไปแทรกแซงหรือเข้าไปมีความพยายามใด ๆ ทั้งสิ้น
“ในเรื่องตำแหน่งเลขานุการนั้น ผมก็แสดงความรับผิดชอบเต็มที่ เราพลาดก็ต้องยอมรับว่าพลาด และมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขทันที ตรงนี้ไม่มีประเด็นปัญหาอะไร และทางบุคคลากรคนนั้นก็ไม่เคยมาคุยกับผมในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเราไม่เคยไปดำเนินการอะไร ผมพยายามแก้ปัญหาโดยเร็ว เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่าย” นายจุลพันธ์ ระบุ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ ได้ชี้แจงกรณีการแต่งตั้งนายธันว์ วุฒิธรรม เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)] โดยยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องคดีความมาก่อน และทราบภายหลังการแต่งตั้งแล้วจากข่าว โดยนายธันว์ได้ทำงานในคณะทำงานมาระยะหนึ่งโดยไม่เคยมีพฤติกรรมเสื่อมเสียหรือผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ หลังจากทราบข่าวเมื่อวันที่ 10 มิ.ย นายจุลพันธ์ได้พูดคุยกับนายธันว์และทราบว่าคดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ โดยนายธันว์พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และได้ขอลาออกจากตำแหน่งแล้วเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. หรือหลังจากที่มีคำถามเรื่องประเด็นนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ
สำหรับกระบวนการการแต่งตั้งนั้น ยืนยันว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ตรวจสอบไม่พบประวัติอาชญากรรมตามขั้นตอนเสนอรายชื่อ เพราะเป็นคดีแพ่งที่ยังไม่สิ้นสุด ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 9 ระบุคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง 9 ข้อ โดยข้อ (7) ว่า “ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ” ดังนั้น ตนจึงขอยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องมาก่อนและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ ระบุว่า ตนไม่เคยกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และนายธันว์ไม่เคยหารือเรื่องคดีด้วย พร้อมทั้งย้ำว่าไม่เคยใช้ความสัมพันธ์ช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ใด ๆ หากแทรกแซง คดีคงไม่ปรากฏในช่วงที่ผ่านมา และขอยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากความหละหลวมของตน และขอโทษกับความไม่สบายใจที่เกิดขึ้น