TIA นำคณะผู้เสียหายจากกรณีหุ้น STARK ยื่นฟ้องและร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้

กรณีการทุจริตที่เกิดขึ้นจาก บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) – STARK จนเกิดความเสียหายเป็นวงกว้างกับนักลงทุน พร้อมทั้งเกิดคำถามขึ้นมากมายตามมา กับศรัทธา ความเชื่อมั่น ที่มีต่อตลาดทุนไทย มีหลายหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามารับเรื่อง ดำเนินการ ตามบทบาท และหน้าที่แห่งความรับผิดชอบไปแล้ว ตามข่าวที่ปรากฏ

7 มิ.ย. 2567 – สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ในฐานะองค์กรตัวแทนผู้ลงทุนรายบุคคล มีภารกิจในการช่วยเหลือผู้เสียหาย ที่ลงทุนในหุ้นสามัญ ได้มีการดำเนิน ดังนี้ คือ

เปิดให้มีการลงทะเบียนผู้เสียหาย หุ้นสามัญ STARK ในระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 19-25 มิถุนายน 2566 มีผู้มาลงทะเบียน จำนวน 1,759 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 4,063 ล้านบาท

เชิญประชุม ชี้แจงแนวทาง การดำเนินคดีแบบกลุ่ม ของผู้ถือหุ้นสามัญ STARK เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566

เปิดให้ลงทะเบียน ผู้เสียหาย หุ้นสามัญ STARK ในระบบออนไลน์ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 17-30 เมษายน 2567

สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย มีความพยายามอย่างยิ่งยวด ในการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายหุ้นสามัญ STARK  มีการติดต่อและประสานงาน ด้วยความระมัดระวังเพื่อที่จะให้มีการฟ้องคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ให้เป็นผลสำเร็จ

ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี ของกฎหมายฉบับนี้ แม้จะมีการชี้มูลความผิดของการฉ้อฉล ทุจริต ที่เกิดความเสียหายกับผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  แต่พบว่ายังไม่เคยมีการฟ้องและดำเนินคดีแบบกลุ่มเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดแก่กลุ่มผู้ถือหุ้นสามัญแต่อย่างใด จึงเป็นประเด็นคำถามเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม อันเป็นความสอดคล้องกับ ผลงานวิจัยของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุว่า สาเหตุสำคัญประการหนึ่ง ของการบังคับใช้ข้อกฎหมาย คือ ความอ่อนแอของการลุกขึ้นรวมตัวกันของผู้เสียหาย เหตุเพราะ ไม่อยากค้าความ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรม ผลลัพธ์ คือ ความย่ามใจ ของผู้กระทำผิด เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ  ทุจริตแล้วได้เงิน โกงแล้วรวย จึงสั่นคลอน ความศรัทธา ความเชื่อมั่น ของตลาดทุนไทย

ทั้งนี้ เพื่อมีส่วนในการทำงานเชิงรุก และปิดจุดอ่อนของอุปสรรคการบังคับใช้กฎหมาย สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย จึงรับหน้าที่ ในการทำช่วยเหลือให้ข้อมูลสิทธิของผู้ถือหุ้นสามัญ ทำการเชื่อมประสาน การรวมตัวกันของผู้เสียหายหุ้นสามัญ STARK ตามลำดับงานข้างต้น

และในวันที่ 6 มิถุนายน 2567 เป็นวันที่กลุ่มตัวแทนโจทก์ผู้เสียหายหุ้นสามัญ STARK ได้ยื่นคำฟ้องและคำร้องขอพิจารณาคดีแบบกลุ่ม ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.1061/2567 เพื่อยื่นฟ้องบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท อดิสร สงขลา จำกัด, บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด, นายชนินทร์ เย็นสุดใจ, นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ, นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ, นายชินวัฒน์ อัศวโภคี, นายประกรณ์ เมฆจำเริญ และนายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม รวม 10 ราย โดยการฟ้องคดีแบบกลุ่ม หรือ Class Action ครั้งนี้จะครอบคลุมกลุ่มผู้เสียหายหุ้นสามัญ ตามนิยามสมาชิกกลุ่ม คือ บุคคลที่เข้าซื้อหรือขายหุ้นสามัญของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในช่วงระหว่างวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ถึง 16 มิถุนายน 2566 ที่ได้รับความเสียหาย (ซึ่งเป็นช่วงที่สตาร์คเผยแพร่ข้อมูลงบการเงินปี 2564 และ 2565 ที่มีข้อมูลเท็จ) โดยครอบคลุมทั้งบุคคลที่เข้าซื้อหุ้นสตาร์คในช่วงเวลาดังกล่าวและยังถือหุ้นอยู่ในปัจจุบัน บุคคลที่เข้าซื้อหุ้นสตาร์คในช่วงเวลาดังกล่าวและขายหุ้นบางส่วนออกไปแล้ว และบุคคลที่เข้าซื้อหุ้นสตาร์คในช่วงเวลาดังกล่าวและขายหุ้นทั้งหมดออกไปแล้ว โดยศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้กำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีแบบกลุ่มในวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น.

ทั้งนี้ หากศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มจะครอบคลุมสิทธิของผู้เสียหายกลุ่มผู้ถือหุ้นสามัญตามนิยามที่กำหนด โดยที่ผู้เสียหายไม่ต้องรับภาระเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีใดๆ

อย่างไรก็ดี ผู้เสียหายหุ้นสามัญ STARK สามารถติดตามข่าวสาร ได้ทางช่องทางออนไลน์ ของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ได้แก่ www.thaiinvestors.com และ [email protected]