‘คลัง’ ฟุ้งเศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย. 67 ยังขยายตัวต่อเนื่อง อานิสงส์ท่องเที่ยวหนุน ต่างชาติเที่ยวไทยคึก ปลื้มส่งออกฟื้นตัว พร้อมจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจในและนอกประเทศ หวั่นกระทบการฟื้นตัว-กำลังซื้อ-อุตสาหกรรม
30 พ.ค. 2567 – นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือน เม.ย. 2567 ว่า เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินททางเข้าไทยรวม 2.76 ล้านคน คิดเป็น 26.4% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย และเกาหลีใต้ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนเม.ย. จำนวน 24.5 ล้านคน คิดเป็น 14.6 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะที่ภาคกาคการส่งออกมีการสัญญาณปรับตัวดีขึ้น โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 23,278.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลับมาขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 6.8% จากการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หมวดเครื่องจักรกลและส่วนประกอบหมวดหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และหมวดเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินค้าข้าว อาหารสัตว์เลี้ยง ยางพารา และสิ่งปรุงรสอาหาร ส่วนการส่งออกสินค้าในหมวดผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาลทราย และแผงวงจรไฟฟ้าชะลอตัว
สำหรับตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวดีขึ้นในตลาดสหรัฐฯ ทวีปออสเตรเลีย อินเดีย และอาเซียน-9 ส่วนตลาดจีน หดตัว -7.8% และญี่ปุ่น หดตัวลง -4.1
ขณะที่การบริโภคสินค้าคงทนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่วนผลผลิตภาคเกษตรยังคงหดตัวจากเดือนก่อน ส่วนรายได้เกษตรกรที่แท้จริง เพิ่มขึ้น 2.3% ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 62.1 จากระดับ 63.0 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ส่วนการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 90.3 จากระดับ 92.4 ในเดือนก่อนหน้า จากผลกระทบของการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก
“ต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภคต่อสินค้าคงทน และปริมาณการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิดต่อไป” นายพรชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี ในส่วนของเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน เม.ย. 2567 อยู่ที่ 0.19% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.37% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2567 อยู่ที่ 63.4% ต่อจีดีพี ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน เม.ย. 2567 อยู่ในระดับสูงที่ 221.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ