อินฟอร์มาฯ ประกาศความพร้อมงานแสดงสินค้าความงามระดับโลก พร้อมเผยเทรนด์ตลาด

Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 งานแสดงสินค้าความงามระดับโลก ตั้งแต่วันที่ 13-15 มิ.ย. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้จัดงานฯ มั่นใจนวัตกรรมและเทรนด์ใหม่ๆ จากผู้ผลิตกว่า 1,500 แบรนด์ทั่วโลก จะช่วยผลักดันธุรกิจอุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนเติบโตต่อเนื่อง

16 พ.ค. 2567 – นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า หากดูข้อมูลของ EUROMONITOR INTERNATIONALจะพบว่าอุตสาหกรรมความงามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตขึ้นทุกปี โดยถือเป็นการเติบโตแบบสองหลักตั้งแต่ปี 2566 -2567 โดยประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในตลาดที่มีการดำเนินงานดีที่สุดในภูมิภาค โดยคาดว่าตลาดความงามของไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับปี 2566

ทั้งนี้ การจัดงานแสดงสินค้าความงามระดับโลก หรือ Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย. 67 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง 3 ผู้จัดงานระดับโลก BolognaFiere, Informa Markets และ Shanghai Baiwen Exhibition Co Ltd. โดยเชื่อมั่นว่างานนี้จะช่วยเป็นเวทีกลางการเจรจาธุรกิจของอุตสาหกรรมความงามอาเซียน และเป็นศูนย์รวมด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีความงามจากนานาประเทศเข้าจัดแสดงไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมความรู้ด้านธุรกิจความงาม พร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจที่มีศักยภาพผ่านกิจกรรมต่างๆภายในงานอีกด้วย

นางสาวแองเจิล ฟู ผู้อำนวยการโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์  กล่าวว่า เชื่อว่างาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 จะช่วยผลักดันและตอกย้ำการเติบโตของตลาดความงามอาเซียน รวมถึงประเทศไทยได้เป็นอย่างดี โดยภายในงานมีผู้ผลิตสินค้าและนวัตกรรมเกี่ยวกับความงามร่วมงานมากกว่า 1,500 แบรนด์ และคาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนเข้าชมงานแสดงสินค้ามากกว่า 14,000 คน ทั้งคนไทย และนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, จีน, ฝรั่งเศส, ฮ่องกง, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, โปรตุเกส, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย, สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ขณะเดียวกันภายในงานยังมีพาวิลเลียนจัดแสดงสินค้าอีก 4 ประเทศ ได้แก่ จีน อิตาลี เกาหลีใต้ และไทยมาช่วยเพิ่มประสบการณ์และสร้างสีสันให้กับผู้เข้าชมงานอีกด้วย

นางสาวฟรานเชสกา โดนาติ ผู้บริหารด้านการตลาดระหว่างประเทศ เอเชีย โบโลญญาเฟียร์ คอสโมพรอฟ  กล่าวว่า ได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Match&Meet ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย สามารถกำหนดเวลาการนัดหมายเจรจาธุรกิจ หรือพูดคุยออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นตามความต้องการ ผ่านแพลตฟอร์มเจรจาธุรกิจออนไลน์ที่เตรียมไว้ให้ ทั้งนี้ภายในงานยังประกอบไปด้วยโซนแสดงสินค้าหลากหลายประเภทหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น สปาไทย, MEDICAL BEAUTY, BEAUTY MADE IN THAILAND, FOOD SUPPLEMENTS และ THAI PREMIUM BRANDS เป็นต้น  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสัมมนาความรู้อย่าง CosmoTalks ซึ่งเป็นเวทีสัมมนาการพูดคุยเชิงกลยุทธ์ แนวโน้ม และภาพรวมต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะส่งผลต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียน เช่น ผลกระทบของความยั่งยืนใน Supply Chain รวมไปถึง แนวโน้มที่พฤติกรรมการซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ความงามของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เป็นต้น

นางเกศมณี เลิศกิจจา ประธานคลัสเตอร์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย ระบุว่า มูลค่าตลาดความงามและเครื่องสำอางไทยในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 250,380 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11.5% โดยแบ่งเป็นสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ 46,012.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% และกลุ่มสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศ 204,368.15 ล้านบาท ทั้งนี้การเติบโตของสินค้าส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มสกินแคร์ 41% กลุ่มดูแลเส้นผม 16% และกลุ่มเครื่องสำอาง 12% โดยเราพบว่ากว่า 72% ของสินค้าที่ขายดีนั้นผลิตในประเทศไทย โดยปัจจุบันตลาดความงามและเครื่องสำอางของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 19 ของด้วยส่วนแบ่ง 1.5% (ยกเว้นผ้าอนามัยและผลิตภัณฑ์สปา)

อย่างไรก็ตาม หากดูข้อมูลจาก GRAND VIEW RESEARCH ระบุว่า มูลค่าเครื่องสำอางของโลกในปี 2573 จะอยู่ที่ 12.38 ล้านล้านบาท หรือประมาณ  13,146 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าเครื่องสำอางของประเทศไทยในปี 2030 คาดการณ์อยู่ที่ 323,000 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโต 1.5 เท่าของปี 2565 โดยแบ่งเป็นสัดส่วนกลุ่มสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศ 85% และสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ 15%

สำหรับเทรนด์ความงามและการดูแลส่วนบุคคลในปีนี้ ความตระหนักรู้ของผู้บริโภคส่งผลให้กลุ่ม Clean Beauty จะทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยเป็นมิตรกับธรรมชาติ, เครื่องสำอางที่ไม่ได้ทำการทดสอบกับสัตว์ หรือ Cruelty Free, ความต้องการผลิตภัณฑ์ความงามจากธรรมชาติ หรือสินค้าออร์แกนิค รวมถึงเครื่องสำอางที่ให้ความสำคัญของผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ หรือ เมคอัพเบา ๆ จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนด้วย

“เราเชื่อว่า 4 ปีต่อจากนี้ อุตสาหกรรมความงาม และเครื่องสำอางไทยจะยังคงเติบโตต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้ผลิตทั้ง OEM/EDM  หรือการหาซัพพลายเออร์หลักเพื่อส่งไปยังตลาดหลักๆ เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันแบรนด์จากต่างประเทศจำนวนมากได้เลือกไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต เนื่องจากรัฐบาลได้เสนอการลงทุนสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางนานถึง 8 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงวัตถุดิบคุณภาพดีได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญต้นทุนการผลิตไม่ได้สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อินเตอร์แมค - ซับคอนไทยแลนด์ 2024 เปิดแล้ว ใหญ่จริง จัดเต็ม เทคโนโลยี นวัตกรรม สัมมนาเปิดทางรอดอุตสาหกรรมไทย

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ สานต่อความร่วมมือรัฐ-เอกชนกว่า 40 หน่วยงาน เดินหน้าจัดงาน อินเตอร์แมค - ซับคอนไทยแลนด์ 2024 ปูพรมจัดแสดงเทคโนโลยี