นายกฯพร้อมรับฟังข้อเสนอ 'หอการค้าไทย - สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย'

นายกฯ ขอบคุณข้อเสนอหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยินดีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน เชื่อมั่นในการทำงานแบบบูรณาการความร่วมมือภาครัฐ-ภาคเอกชน

15 พ.ค.2567 - นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่นกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพีน้องชาวไทยทั่วประเทศ ย้ำพร้อมรับฟัง และร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ขอบคุณ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่จัดประชุมใหญ่หอการค้า 5 ภาค ระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่าจากการที่หอการค้าไทยได้จัดประชุมใหญ่ หอการค้า 5 ภาค ซึ่งได้ระดมความคิดเห็นผู้ประกอบการ ทบทวนแผนงานเศรษฐกิจภาคเอกชนของหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ และได้เสนอแผนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาล เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาคร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อมั่นช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยให้เติบโตเต็มศักยภาพโดยแบ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ในแต่ภาค ดังนี้

แผนยุทธศาสตร์ภาคกลาง เสนอแผนการขับเคลื่อน 3 ด้าน ได้แก่ 1. การเป็นศูนย์กลางสุขภาพและศูนย์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Hub and Wellness) 2. การยกระดับอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับ Food Valley และ Innovation Hub 3. การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงกับภูมิภาคอื่นๆ สำหรับภาคเหนือ หอการค้าภาคเหนือผลักดันส่งเสริมพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC - Creative LANNA) ตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจ BCG พร้อมทั้งยกระดับสนามบินพิษณุโลกสู่การเป็นสนามบินนานาชาติ มุ่งเชื่อมโยงให้เกิดการท่องเที่ยวสู่ภูมิภาคอื่น ๆ

ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสนอให้เป็นดินแดนแห่งการเชื่อมโยงและรุ่งเรืองในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงผ่าน 4 แผน ได้แก่ 1. การค้าและการท่องเที่ยว พื้นที่ชายแดนติดกับประเทศลาว 2. เกษตรและอาหาร ส่งเสริมโครงการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูง 3. ท่องเที่ยวและธุรกิจบริการ ส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกที่อุดรธานีในปี 2569 และ 4. แผนบริหารจัดการแม่น้ำโขง แม่น้ำเลย แม่น้ำชี และแม่น้ำมูล เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม และการขาดแคลนน้ำ

ภาคตะวันออก เสนอให้เร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC ครอบคลุมโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินภายในปี 2571 โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 โครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาภายในปี 2571 และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ภายในปี 2570 ผลักดันการขยายพื้นที่ EEC เพิ่มจังหวัดปราจีนบุรี นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้เกิดการวิจัยในระดับนานาชาติ และเร่งการลงทุนด้านการพัฒนาการศึกษา ยกระดับสมรรถนะกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

ภาคใต้ วางแผนขับเคลื่อน 4 เรื่อง ได้แก่ 1. การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดระนอง ให้เป็นท่าเรือสินค้าคอนเทนเนอร์ ขนส่งสินค้าเส้นทางเดินเรือในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ 2. การสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติอันดามัน จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นศูนย์กลางแสดงสินค้าและแลกเปลี่ยนธุรกิจ 3. การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฝั่งอ่าวไทย เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเรือสำราญ จังหวัดสุราษฎร์ธานีและสงขลา 4. การพัฒนาการเชื่อมโยงโลจิสติกส์กลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ รองรับการเป็นศูนย์กลางสินค้าฮาลาล

“นายกฯ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะในการพัฒนาแผนงานเศรษฐกิจจากทุกภาคส่วน และยินดีส่งเสริมการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อดึงศักยภาพของแต่ละภูมิภาคพัฒนาให้ครอบคลุมทุกมิติตามเป้าหมาย ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจักได้นำความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของทุกภาคส่วนมาประกอบกันเป็นแนวทางที่มีประโยชน์ในการทำงาน ขับเคลื่อนไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค”นายชัยกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน

ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

นายกฯ อิ๊งค์ฝากติดตามแถลง 12 ธ.ค.ผลงานรัฐบาล 90 วัน

นายกฯอิ๊งค์ ลั่นรัฐบาล มุ่งสร้างโอกาสจับต้องได้ให้ประชาชน ปากท้องอิ่ม ดึงศักยภาพคนไทย ลั่นปรับสมดุลการค้าสหรัฐ-จีน ย้ำ รบ.อยู่ครบเทอม ฝากติดตามแถลงผลงานรัฐบาล 12 ธ.ค.นี้

เปิดโปรแกรมทัวร์ 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรกที่เมืองเหนือ

เปิดโปรแกรม 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรก จัดที่แม่ริม เชียงใหม่ 29 พ.ย. ก่อนถก 'คลังสัญจร' เชียงราย ฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมพบประชาชน